:::     :::

เหตุใดการตลาด "บุรีรัมย์" ถึงโกยเงินเป็นว่าเล่น

วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
523
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในช่วงที่ฟุตบอลไทยกับหลังหลงทาง กับคำว่า "เงินสนับสนุน" ที่หายไปกับตา เพราะมูลค่าของลิขสิทธิ์นั้นไม่มี ทำให้ทีมลีกสูงสุดทั้ง 16 สโมสร ต้องออกมาช่วยกันหา ด้วยการให้แฟนบอลชมผ่านระบบ OTT (อินเทอร์เน็ต) ผ่าน 3 แพลตฟอร์มหลักคือ AIS Play, TRUE ID และ 3BB GIGA TV

ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือ ควักเงินทีมละ 10 ล้านบาทซื้อไปแล้ว 20,000 ยูเซอร์ จึงได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดเฉพาะเกมในบ้านของตัวเอง ออกอากาศตามช่องทางของสโมสรด้วย เช่นเดียวกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ทุ่มซื้อไปทั้งหมด 30,000 ยูเซอร์

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดเรื่องที่ทุกคนต้องตกตะลึงกับการขายเสื้อเหย้า 45,000 ตัว ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เปิดขายในวันแรกและหมดลงภายในเพียงวันเดียว เราจะมาลองเจาะตลาดของ “ปราสาทสายฟ้า” ว่าทำอย่างไร ถึงขายเสื้อได้มากมายขนาดนี้กัน


ราคาเอื้อมถึงแฟนบอลทุกคน

เริ่มต้นจากการผลิตเสื้อออกมาล็อตแรกเพียงแค่จำนวน 45,000 ตัว แต่พวกเขากลับขายในราคา 740 บาท ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ไม่หนักหนาสาหัสเกินไปกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้แฟนบอลสามารถเข้าถึงในการช็อปปิ้ง จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงหมดอย่างรวดเร็ว

เม็ดเงินที่ได้มาราว 33,300,000 บาท นี่คือจำนวนเต็มๆ ที่ยังไม่มีการหักต้นทุน ถือว่าเป็นตัวเลขที่สวยสดงดงามก่อนที่จะเปิดฤดูกาล ด้วยราคาที่แฟนบอลจับต้องได้แบบนี้ ใครที่แวะไป จ.บุรีรัมย์ ก็ต้องซื้อเสื้อ “ปราสาทสายฟ้า” กลับมาฝากคนเพื่อนฝูงญาติพี่น้องอยู่ตลอด

อีกทั้งดีไซน์เสื้อของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังสามารถใช้ใส่ไปงานต่างๆ ได้ หรือใส่เดินเที่ยวก็เก๋ไปอีกแบบ เพราะยุคสมัยนี้การใส่เสื้อบอลไปไหนมาไหนไม่ใช่เรื่องเชยแล้ว 


ใช้คอนเทนต์เติมลงบนเนื้อผ้า

สำหรับคำว่า “คอนเทนต์” ในซีซั่นนี้พวกเขามาในคอนเซปต์เสื้อเหย้า "ปราสาทสายฟ้า" มาในคำว่า "LOVE" โดยใช้เส้นด้ายรีไซเคิลชนิดพิเศษ ในการถักทอลวดลายสัญลักษณ์ “มือ” ซึ่งระบุว่ามีลักษณะท่าทางที่แสดงออกถึง ความรัก ความผูกพัน ที่สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีให้กับแฟนบอล 

โดยเอกลักษณ์ของเส้นด้ายนี้ เมื่อทอแล้วจะเห็นลายเส้นแตกต่างกัน รวมไปถึง Flex ที่มีเนื้อผิวสัมผัส ลื่นเบา และคงทน พร้อมกันนี้ยังมีเนื้อผ้า 100% POLYESTER RECYCLE มีคุณสมบัติ ในการระบายอากาศได้ดี แห้งไว ซักแล้วไม่ต้องรีด ไม่ต้องอบแห้ง สามารถตากในที่ร่มได้อีกด้วย

เช่นเดียวกับในฤดูกาลที่ผ่านมา ที่คลอดชุดเยือนสีเขียวมิ้นท์สุดแปลกตา จนขายดีแบบถล่มทะลาย ซึ่งการไม่เคยใช้สีนี้มาก่อน เรียกว่าเป็นการสร้างคอนเทนต์ให้กับตัวเอง เพื่อการขายของที่กวาดเงินเข้ามาบริหารสโมสรได้หลายล้านบาท 


นักเตะช่วยส่งเสริมการขาย

อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นไอเดียทางการตลาดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั่นคือ การให้นักเตะในทีมที่มีพลังอิมแพ็คในการกระตุ้นแฟนบอลมาช่วยขาย อย่าง ธีราทร บุญมาทัน ก็จะวางขายในเพจของ THEERATHON FIVE พร้อมกับเฟล็กสกีนเบอร์ 5 มีชื่อของเขาและลายเซ็นต์จาก "โก๋อุ้ม" ประทับลงไป ซึ่งราคาก็อยู่ที่ 990 บาท นี่คือรวมทุกอย่าง ถือว่าถูกมากทีเดียว  

ตลอดจน รัตนากร ใหม่คามิ ก็เป็นพ่อค้าอีกคนที่ให้แฟนบอลสามารถสั่งเสื้อได้ผ่านทาง Facebook: Ratthanakorn Maikami และ IG : Ratthanakorn_8 หรือว่าตอนที่ สุภโชค สารชาติ กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ยังอยู่กับ “ปราสาทสายฟ้า”

ทั้งสองพี่น้องก็ช่วยทีมขายเสื้อ ด้วยการโพสต์ขายในเพจ เสื้อ Buriram United by เช็ค&แบงค์ ซึ่งเวลานั้นเรียกว่าขายได้แบบถล่มทะลายเลยทีเดียว เรียกว่าให้นักเตะของทีมเข้าถึงแฟนบอล เพื่อขายเสื้อแบบนี้ เป็นการตลาดที่น่าทึ่งของ “ปราสาทสายฟ้า” จริงๆ


ฟาดเงินทะลุ 100 ล้านบาท

อีกสิ่งทำให้เราเห็นว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมขวัญใจของแฟนบอล นั่นคือ ซีซั่นที่ผ่านมา ลงเล่นในบ้าน 18 เกมรวมทุกถ้วย ฟาดรายรับทั้งค่าบัตรผ่านประตู กับค่าของที่ระลึก โดยเฉพาะที่เสื้อไปถึง 142,410,229 บาท เป็นทีมแรกที่ทำได้ขนาดนี้

โดยแจกแจงตัวเลขแต่ละนัด แบ่งดังนี้ ไทยลีก ชนะ สุโขทัย เอฟซี 6-1 : 7,477,391 บาท, เสมอ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2-2 : 11,129,007 บาท, เสมอ เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-1 : 12,161,838 บาท, ชนะ พีที ประจวบ เอฟซี 3-1 : 11,732,917 บาท, ชนะ หนองบัว พิชญ เอฟซี 3-1 : 10,323,112 บาท, ชนะ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-0 : 9,771,173 บาท, ชนะ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด 4-1 : 8,841,701 บาท

 ชนะ ราชบุรี เอฟซี 1-0 : 8,841,491 บาท, ชนะ ชลบุรี เอฟซี 2-0 : 9,863,891 บาท, ชนะ โปลิศ เทโร เอฟซี 3-0 : 7,756,901 บาท, ชนะ ลำพูน วอริเออร์ 2-0 : 6,427,538 บาท, ชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 4-1 : 5,996,100 บาท, ชนะ ลำปาง เอฟซี 2-0 : 5,383,769 บาท, แพ้ การท่าเรือ เอฟซี 2-3 : 9,160,509 บาท, ชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 4-0 : 6,653,527 บาท

 เอฟเอ คัพ ชนะ สมุทรปราการซิตี้ 5-0 : 3,431,529 บาท, ชนะ นครปฐม ยูไนเต็ด 2-0 : 3,973,286 บาท และ ชนะ แพร่ ยูไนเต็ด 5-2 : 3,484,549 บาท


จากทุกอย่างที่กล่าวไป บอกได้เลยว่าหัวการค้าทางการตลาดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้น แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาสามารถครองใจแฟนบอลได้ขนาดไหน เอาเป็นว่าขนาดบางคนไม่ใช่สาวก “ปราสาทสายฟ้า” ก็ยังต้องซื้อ เพราะด้วยการออกแบบดีไซน์เสื้อผ้า รวมทั้งราคาที่จับต้องได้นั่นเอง 

และแน่นอนว่าหากสโมสรอื่นๆ มีไอเดียทางการตลาดนำมาปรับใช้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองได้บ้างล่ะก็ ความเป็นสโมสรอาชีพที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาแต่การช่วยเหลือจากเงินอุดหนุนของสมาคมฯ หรือสปอนเซอร์ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมเลย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด