แต่ผลงานส่วนตัวของ เบน เดวิส ถือว่าดีจนกระแทกเบ้าตาใครหลายคน
จากที่หลายคน “ตั้งคำถาม” ว่ามิดฟิลด์วัย 22 ปีคนนี้จะไหวไหม บนลีกสูงสุดของไทย หลังซีซั่นที่ผ่านมากับ การท่าเรือ เอฟซี ทั้งฟอร์มการเล่น ความตื่นตัว หรือการปรับตัวเข้ากับไทยลีก อยู่ในระดับติดลบ
แต่เมื่อจากคลองเตย มาเดินหาดบางแสน ฟอร์มของ เบน แทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับฤดูกาลก่อน
เขาดูสนุกกับฟุตบอลมากขึ้น ตื่นตัว วิ่งสู้ฟัด และเล่นร่วมกับเพื่อนได้อย่างดี
ภายใต้การคุมทีมของ มาโกโตะ เทงุระโมริ เขาพบตัวเองในบทบาทเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 ต่างจากปีก่อนที่ถูกจับไปยืนริมเส้นเป็นส่วนใหญ่
สิ่งที่ เบน มีอยู่แล้วคือความคล่องตัว การไปกับบอล การลากลุย จังหวะ 1-1 พร้อมท้าชนไม่สนแนวรับหน้าไหน รวมไปถึงจังหวะสร้างโอกาสทำประตู
การเจอโค้ชที่มี “ตำราใช้งาน” รู้ว่าจะวัตถุดิบแบบ เบน เหมาะจะจับมาต้มยำทำแกงแบบไหน ถึงจะกลมกล่อม เมื่อบวกกับความมั่นใจ การที่เขาจะโชว์ผลงานได้ดี จึงนับเป็นเรื่องน่ายินดีของ “ฉลามชล”
ผลลัพธ์ไม่โกหก 2 เกมผ่าน เบนเป็นผู้เล่นที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากที่สุดในไทยลีกมากถึง 76.92 % ยังไม่นับรวมถึงการดวลตัวต่อตัวชนะ จ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายให้ผ่านได้สวย ๆ หลายครั้ง แม้ยังไม่มีประตูหรือแอสซิสต์ แต่ก็เปรียบเสมือนการเพิ่ม “อาวุธ” เกมรุกให้กับ ชลบุรี ไปในตัว จากที่เน้นความจี๊ดจ๊าดเกมริมเส้นเป็นหลัก
ครั้งหนึ่งสมัย ธงชัย สุขโกกี ยังคุมทีม นครปฐม ผสมกับการเป็นนำวิเคราะห์เกม ยังเคยพูดเกี่ยวกับ เบน ไว้เลยว่า ตำแหน่งตัวริมเส้นไม่สามารถนำประโยชน์จาก เบน มาใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่การได้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 จะสามารถสร้างอันตรายให้แนวรับคู่ต่อสู้ได้มากกว่า
“โค้ชธง” ให้เหตุผลเพิ่มว่า การจับ เบน เป็นเล่นริมเส้น ทำให้มีพื้นที่ในการเล่นไม่มากเท่าการยืนตรงกลาง ที่สามารถเลี้ยงบอลฝ่าเข้าไปได้เอง หรือจะดึงจังหวะพลิกบอลเข้าไปโจมตีคู่แข่ง รวมถึงมีบอลคิลเลอร์พาสเฉียบ ๆ
เมื่อมองผ่านมุมนี้ เทงุระโมริ อาจมีความคิดคล้ายกับ “โค้ชธง” ซึ่ง เบน ก็แสดงให้เห็นแล้วผ่านการลงเล่น
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจมีส่วนทำให้ เบน กลับมาเป็นคนเดิมคือ การได้เล่นฟุตบอลท่ามกลางแวดล้อมร่วมกับเพื่อนในวัยเดียวกัน
“ฉลามชล” ชุดนี้เต็มไปด้วยดาวรุ่ง หลายคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน การสื่อสาร หรือการสร้างความสัมพันธ์กันทั้งใน-นอกสนาม ในกลุ่มดาวรุ่ง อาจมีส่วนช่วยให้ระบบทีมเวิร์ก ความเข้าใจเกมของ เบน ดีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม 2 เกมแรกเปรียบเสมือนการเพิ่งเริ่มสตาร์ทจากจุดเริ่มต้น สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ เบน จะสามารถรักษามาตรฐาน และมีความสม่ำเสมอในแง่ฟอร์มการเล่นได้หรือไม่
ต่อจากนี้…
