:::     :::

วิกฤตใหญ่ของ "เมืองทอง ยูไนเต็ด"

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
511
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าตลอดกาล ใช้ได้ดีเสมอกับทุกเรื่องราว เป็นประโยคเตือนใจไม่ให้ยึดติดและประมาทในการใช้ชีวิต บางครั้งสามารถนำมาใช้กับ "ฟุตบอล" ได้เช่นกัน

หากจะพูดถึงสโมสรที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ประสบความสำเร็จมากมาย เล่นฟุตบอลเกมรุกเร้าใจ อัดแน่นไปด้วยซูเปอร์สตาร์ระดับแนวหน้าของประเทศ มีแฟนบอลมากที่สุดมากที่สุดทีมหนึ่งของไทย เชื่อแน่ว่าชื่อของ เมืองทอง ยูไนเต็ด จะอยู่อันดับต้นๆ แน่นอน 

นี่คือทีมที่เคยคว้าแชมป์เกือบทุกรายการบนแผ่นดินสยาม โดยเฉพาะการเป็นแชมป์ไทยลีก 4 สมัย มากที่สุดเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่ฟาดไป 8 สมัย  

หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่สโมสรแห่งนี้ขีดเขียนไว้คือการทำสถิติคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายเป็นทีมแรก เมื่อปี 2012 

เข็มนาฬิกาเดินไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไป 10 ปี จากยอดทีมเบอร์ 1 ตอนนี้สภาพแทบไม่เหลือเค้าโครงแห่งความน่าเกรงขาม 


โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่ผลงาน 3 นัดแรกยังไม่ชนะใคร แพ้ไป 2 นัด และเสมอ 1 นัด เสียไป 4 ประตู และยิงได้เพียงแค่ 1 ประตูจากลูกจุดโทษ จนหล่นไปอยู่ท้ายตารางอันดับ 14 มีแต้มเดียวเหนือกว่า อุทัยธานี เอฟซี และ ลำพูน วอร์ริเออร์ ที่แพ้รวดไม่มีแต้มเท่านั้น

ผลงานข้างต้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกทีมของ มาริโอ ยูรอฟกี้ กำลังพุ่งชนปัญหาอย่างจัง ทุกอย่างที่เคยเป็น “จุดแข็ง” กลายเป็นจุดอ่อนปวกเปียกทั้งสิ้น 

ไม่ว่าจะเป็นแนวรับที่เปื่อยยุ่ย ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้นเพราะในฤดูกาลนี้ “กิเลนผยอง” มีการเปลี่ยนแนวรับแบบยกเซ็ต

ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูที่สวมบทป๋าดันให้ โสภณวิชญ์ รักญาติ มือกาวดีกรีทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชุดซีเกมส์ ที่กัมพูชา ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของทีมอย่างเต็มตัว ส่วนตัวความหวังอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยังสลัดอาการบาดเจ็บไม่หลุด ทำให้สโมสรไม่ส่งชื่อลงเล่นในเลกแรกและก้าวไปเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของทีม เช่นเดียวกับ พีระพงษ์ เรือนนินทร์ มือกาวหน้าหยกที่ยังเดี้ยงไม่หาย


แนวรับเหลือเพียง ชาติชาย แสงดาว ที่ลงสนามตัวจริงใน 3 นัดแรก และดาวรุ่งอย่าง ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ ที่เป็นกองหลังชุดเดิมจากฤดูกาลที่แล้ว ส่วน ทริสตอง โด หรือ ณอง โคลด บีญง ล้วนเข้ามาใหม่ ที่เป็นจุดอ่อนเห็นจะเป็นแนวรับทางฝั่งซ้ายที่ สุวิทย์ ไปพรมราช และ ณัฐวัฒน์ โทบ้านซ้ง ที่ย้ายเข้ามาใหม่ แต่ยังไม่ได้โอกาสลงสนามทั้งคู่ 

ทำให้ต้องใช้ ธีรภัทร เลาหบุตร กองหลังเลือด “กิเลนผยอง” ไปยืนขัดตาทัพ ซึ่งเกมล่าสุดที่แพ้ การท่าเรือ หมดรูปเขากลายเป็นบ่อน้ำมันให้แนวรุก “สิงห์เจ้าท่า” เจาะไม่พัก

ไม่น่าเชื่อว่าทีมระดับ เมืองทอง จะไร้แบ็คซ้ายระดับแนวหน้า เพราะนี่คือสโมสรที่ไม่เคยขาดแคลนแบ็คซ้ายฝีเท้าดีไม่ว่าจะเป็น มงคล นามนวด, วีระวุฒิ กาเหย็ม, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา หรือ ธีราทร บุญมาทัน คือระดับเทพทั้งสิ้น


เมื่อเปลี่ยนนักเตะแนวรับยกแผงทำให้การสื่อสารหรือการจัดระเบียบมีปัญหา ไม่แปลกที่จะโดนเจาะตาข่าย 2 จาก 3 นัดแรกถึง 4 ประตู 

แดนกลาง วีระเทพ ป้อมพันธ์ และ พิชา อุทรา พยายามปั้นเกมเต็มที่ แต่ข้างหน้าเก็บบอลหรือจบสกอร์ไม่ได้ทุกอย่างก็ไร้มีความหมาย ด้าน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ยังไม่รู้ว่าจะหายเจ็บคัมแบ็คมาช่วยทีมได้ตอนไหน ที่สำคัญเลยเมื่อร้างสนามไปนานฟอร์มจะดีหรือเปล่าเป็นสิ่งที่สาวก “กิเลนผยอง” กังวลใจ

ขณะที่แนวรุกที่เคยอัดแน่นไปด้วยดาวยิงระดับพระกาฬกลายเป็นอดีตที่หมอหวาน ปัจจุบัน วิลเลียม พ็อพพ์ ต้องเป็นตัวแบก คนที่คาดว่าจะมายกระดับทีมอย่าง สเตฟาน เชโปวิช ดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนที่ตอบโจทย์แน่


เมื่อมองไปยังซุ้มม้านั่งสำรองแทบไม่มีตัวที่ลงมาเปลี่ยนเกมได้เลย เพราะขุมกำลังของทีมเล็กมาก 

แถมงานคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังอย่าง BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52] in BANGKOK  และคอนเสิร์ต GOLF-MIKE LET’S BOUNCE CONCER ทำให้ทีมต้องร่อนจดหมายขอบริษัท ไทยลีก จำกัด ปรับโปรแกรมไปเล่นเป็นทีมเยือนในเลกแรกถึง 8 นัด เท่ากับว่าเลกแรก เมืองทองฯ จะเล่นในรังเหย้า ธันเดอร์โดม 4 นัด ออกไปเยือน 11 นัด

สิ่งที่ประดังเข้ามาใส่ทีม “กิเลนผยอง” ชั่วโมงนี้เรียกว่าเป็น “วิกฤต” ก็ว่าได้ แอบเป็นห่วงว่า มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือของทีมจะประกาศลาออก เพื่อจำนนต่อสถานการณ์นี้ 


อย่าลืมว่าฤดูกาลที่แล้วหลังจากไม่ชนะใครติดต่อกันหลายนัดเขาก็แมนพอที่จะลาทีม แต่โดนบอร์ดบริหารรั้งไว้เท่านั้นเอง

หรือหากเขาจะสู้ต่อไม่ใช่แค่ “ซูเปอร์มาริโอ้” เท่านั้น แต่ทุกคนต้องรวมพลังกันสู้มากกว่าเดิมเพื่อฝ่าทางตันไปให้ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ดันไปถึงช่วงจบเลกแรก จากนั้นค่อยคว้าผู้เล่นฝีเท้าดีเข้ามาเสริมทักให้แกร่งกว่าเดิม

ตอนนี้เป็นเวลาวัดใจ “กิเลนผยอง” แล้วว่าจะสู้หรือถอย เพราะดูแล้วพายุลูกนี้ใหญ่จริงๆ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด