นี่คือชัยชนะที่ทำให้คำว่า "สปิริต" และ "ทีม" พอกพูนและเข้มข้นมากยิ่งขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าไม่แพ้ผลการแข่งขัน

มิเกล อาร์เตต้า พาทีมชนะเกมเยือนในลีกได้ 3 นัดติดต่อกันและไม่เสียประตูเลย หลังก่อนหน้านี้บุกเชือด คริสตัล พาเลซ 1-0 ต่อด้วยชนะ เอฟเวอร์ตัน ในสกอร์เดียวกัน

สกอร์ออกมาเกินคาดพอสมควรเพราะหลายสิ่งหลายอย่างดูจะเป็นใจให้ อาร์เซน่อล พอสมควร

มีหลายนัดที่ทีมของ อาร์เตต้า ทำผลงานได้ดีกว่านี้ แต่ไม่ได้ชนะมากขนาดนี้ แต่นัดนี้ใช้โอกาสในเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่เกมรับก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

อาร์เตต้า ได้รับข่าวดีที่ตัวหลักหลายคนฟิตทันเวลาหลังได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น เดแคลน ไรซ์, บูคาโย่ ซาก้า และ วิลเลี่ยม ซาลีบา ที่ลงตัวจริงทั้งหมด แถม เลอันโดร ทรอสซาร์ ก็กลับมามีชื่อเป็นสำรองอีกด้วย

ทีมปืนใหญ่สามารถเปลี่ยนโอกาสที่มีเป็นประตูได้เร็วภายในยี่สิบนาทีแรกทั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายคอนโทรลเกมตั้งแต่ต้นเหมือนหลายนัดที่มักทำได้ 

มาร์ติน โอเดการ์ด หยอดบอลไปเสาไกลให้ กาเบรียล เชซุส โหม่งย้อนกลับไปชนเสาแรกเด้งเข้าทาง บูคาโย่ ซาก้า โหม่งจ่อๆ ลงพื้นเข้าประตูไป

บอร์นมัธ ต่อบอลบุกได้เป็นระยะ แต่พอถึงหวะจบสกอร์ก็มีกองหลัง อาร์เซน่อล เข้าขวางเข้าบล็อกได้อย่างแม่นยำ 

กว่าที่ ดาบิด ราย่า จะได้ออกแรงเซฟครั้งแรกและครั้งเดียวในเกมก็ปาเข้าไปช่วงทดเจ็บครึ่งแรกซึ่งตอนนั้น อาร์เซน่อล นำไปสองประตูแล้ว

ประตูที่สองของปืนใหญ่เป็นจุดโทษที่ผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล ซอลส์บิวรี่ เป่าให้แบบไม่ต้องคิดมากหลังจาก แม็กซ์ อารอนส์ เสียบทำฟาวล์ใส่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์

บูคาโย่ ซาก้า เหมือนจะเป็นคนรับหน้าที่ยิง แต่ส่งบอลต่อให้ มาร์ติน โอเดการ์ด จัดการซึ่งกัปตันทีมชาตินอร์เวย์ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมแปเข้ามุมซ้ายมือตัวเอง ขณะที่ เนโต้ พุ่งไปอีกทาง

ต้นครึ่งหลังความผิดพลาดในเกมรับของเจ้าถิ่นเกิดขึ้นอีกครั้ง ไรอัน คริสตี้ เข้าสกัดข้าใส่ มาร์ติน โอเดการ์ด กลายเป็นจุดโทษอีกครั้ง 

ซาก้า เหมือนจะขอโอกาสยิงเองบ้างหลังปล่อยให้ โอเดการ์ด ยิงท้ายครึ่งแรก ทว่ากลับไม่ใช่ทั้งคู่ หากแต่เป็นอีกคนที่เรียกเสียงเชียร์จากอัฒจันทร์ฝั่งทีมเยือนได้อย่างกึกก้อง

"ไค ฮาแวร์ตซ์"

นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เชลซี ด้วยค่าตัวมากถึง 60 ล้านปอนด์ ฮาแวร์ตซ์ ถูกวิจารณ์มากสุดในทีมเนื่องจากยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ ไม่มีประตู ไม่มีแอสซิสต์

แต่การที่เพื่อนร่วมทีมมอบโอกาสให้ยิงจุดโทษเพื่อเรียกความมั่นใจก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมในเรื่องสปิริตในทีมอย่างยิ่ง

แม้มีความเสี่ยงว่าอาจพลาดได้เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงที่มั่นใจในการเล่น แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับความเป็นทีมที่ทุกคนพยายามช่วยเหลือกันและกัน ให้กำลังใจ และให้ความเชื่อมั่นกันเสมอ 

และไม่เพียงแค่เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น แต่แฟนบอล อาร์เซน่อล ที่ตามไปเชียร์ก็เอาใจช่วย ฮาแวร์ตซ์ สุดใจเช่นกัน

จงไม่แปลกเมื่อดาวเตะทีมชาติเยอรมันซัดจุดโทษตุงตาข่ายได้ เพื่อนร่วมทีมจึงรุมล้อมดีใจกับเจ้าตัวอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับเสียงเชียร์กระหึ่มจากแฟนบอล 

นี่คือโมเมนต์ที่งดงามสุดในเกมนี้

ฮาแวร์ตซ์ ต้องการประตูนี้อย่างมาก นี่คือประตูแรกในสีเสื้อ อาร์เซน่อล ที่อาจเป็นประตูปลดล็อกนำไปสู่การเริ่มต้นอาชีพกับทีมใหม่อย่างจริงจัง

เกมจบตั้งแต่วินาทีนี้ก็ว่าได้ บอร์นมัธ ไม่ได้ยิงตรงกรอบเลยตลอดครึ่งหลัง และไม่ใกล้เคียงกับการได้ประตู 

อาร์เซน่อล มาได้ประตูปิดท้ายในช่วงทดเจ็บจากฟรีคิกที่ โอเดการ์ด เปิดให้ เบน ไวท์ โขกเสียบใต้คาน ทำให้ปิดเกมได้สวยงามทั้งผลการแข่งขันและบรรยากาศอันน่าประทับใจกับประตูแรกของ ไค ฮาแวร์ตซ์

อาร์เตต้า ได้ทยอยเปลี่ยนตัวหลักออกไปพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะไปเยือน ล็องส์ ในวันอังคารที่ 3 ตุลาคม

ถ้าจะมีจุดที่ติติงอยู่บ้างคงเป็นการเปลี่ยนตัว ซาก้า ช้าเกินไปจนเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในช่วงก่อนจบเกม 15 นาที หรือหลังจากได้ประตู 3-0 นานถึง 20 นาที

อาร์เตต้า เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าต้องพยายามปกป้องปีกทีมชาติอังกฤษให้ดี แต่เกมนี้กลับปล่อยให้เล่นอยู่นานจนสุดท้ายได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง และต้องตามอาการกันต่อไปว่ารุนแรงเพียงใด

หากไม่นับเรื่องน่ากังวลกับอาการบาดเจ็บของ ซาก้า ที่เหลือเป็นเกมที่ดีมากสำหรับ อาร์เซน่อล 

เกมรุกยิงได้ถึง 4 ประตู และยังคงรักษาคลีนชีตนอกบ้านเอาไว้ได้ และที่ดีสุดก็คือ ไค ฮาแวร์ตซ์ มีประตูแรกเป็นที่เรียบร้อย 

เท่านั้นไม่พอผลการแข่งขันคู่อื่นก็ยังเป็นใจเมื่อแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สะดุดแพ้นัดแรกในฤดูกาลหลังออกไปเสียท่า วูล์ฟส์ 1-2 ทำให้ อาร์เซน่อล ทำคะแนนไล่จี้เหลือคะแนนเดียวเท่านั้น

บิ๊กแมตช์สัปดาห์หน้าที่ปกติสำคัญสุดๆ อยู่แล้วก็ยิ่งทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะเป็นการเจอกันของ "แชมป์เก่า" และ "รองแชมป์เก่า" โดยมีตำแหน่ง "จ่าฝูง" เป็นเดิมพัน

นี่คือเกมแห่งฤดูกาลที่ห้ามพลาดโดยประการทั้งปวง