ในวันที่ "นาคามรกต" ต้องฝ่าวิกฤต
สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของมันก็จบลงที่การแยกทางกันอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าตัวของ "โค้ชจุ่น" จะโชว์ผลงานชิ้นโบว์แดงในนัดล่าสุด ด้วยการพาลูกทีมเดินหน้าไล่ถล่มผู้มาเยือนอย่าง บีพี เฟรนด์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 5-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 64 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ 2023-2024 ก็ตาม
ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะภาพลักษณ์ขององค์กรนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเอามากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ต้องไม่ลืมว่าบรรดาสตาฟฟ์และนักกีฬาทุกคน ก็ต้องกินต้องใช้และมีภาระที่รออยู่เช่นกัน เรื่องแบบนี้ต้องบอกว่าน่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย และเชื่อว่าก่อนที่จะตกลงแยกทางกันนั้น ตัวของ "โค้ชจุ่น" และสโมสรน่าจะมีการพูดคุยตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากปัญหาในเรื่องของเงินๆ ทองๆ ดังกล่าวแล้ว มีอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงแม่ทัพกลางศึกอีกครั้งสำหรับเกษตรศาสตร์ฯ ซึ่งคนที่เข้ามารับไม้ต่อนั้น ก็เป็น "โค้ชชู" ชูศักดิ์ ศรีภูมิ เจ้าของฉายา "มิสเตอร์แชมเปี้ยนส์ลีก" ที่พึ่งลาออกจากสุโขทัย เอฟซี นั่นเอง
ว่ากันตามตรง นี่คงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอย่างแน่นอน เพราะถ้ายังจำกันได้ ผลงานในฤดูกาลก่อนของเกษตรศาสตร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือในช่วงกลางทางแบบนี้ (จากวรวุธ ศรีมะฆะ เป็นอนุรักษ์ ศรีเกิด) ทีมก็เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน กว่าจะการันตีว่าปลอดภัยไม่ตกชั้น ก็ต้องลุ้นกันจนถึงวินาทีสุดท้ายของนัดสุดท้าย
แม้ผลงานในการคุมทีมของ "โค้ชชู" จะเป็นที่จับต้องได้และน่าสนใจสำหรับทีมระดับกลาง แต่สำหรับเกษตรศาสตร์ฯ แล้วนั้น แม้จะตั้งเป้าหมายเอาไว้ค่อนข้างสูงในทุกปี แต่พวกเขาก็คือหนึ่งในทีมที่ต้องลุ้นเหนื่อยแทบทุกปีเช่นกัน และหากจะบอกว่านี่เป็นอีกครั้งที่แฟนๆ ของทีม "นาคามรกต" อาจต้องหายใจไม่ทั่วท้องกันอีกรอบ ก็คงไม่เกินเลยไปเท่าไหร่นัก
แต่ก็นั่นแหละ ในโลกของฟุตบอล ไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว แม้อาการจะดูน่าเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่าครั้งหนึ่ง "โค้ชชู" คือคนที่พา ระยอง เอฟซี เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรมาแล้วในฤดูกาล 2019 ทั้งที่ในตอนนั้นทีมมีงบประมาณจำกัดและเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่สวยงามก็ตาม
ซึ่งเมื่อดูภาพรวมแล้ว ก็ช่างคล้ายกับเกษตรศาสตร์ฯ ณ ตอนนี้เหลือเกิน ทั้งในเรื่องของงบประมาณและตัวผู้เล่น
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน เกษตรศาสตร์ฯ อยู่ในอันดับที่ 15 ของตารางคะแนน หลังผ่านการแข่งขันไปแล้ว 7 นัด และพึ่งเก็บได้เพียง 5 คะแนนเท่านั้น แม้จะยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ก็ต้องบอกว่าพวกเขาสุ่มเสี่ยงในการตกชั้นเหลือเกินหากผลงานยังเป็นแบบนี้ต่อไป
ส่วน "โค้ชชู" ถ้าพูดกันตามตรง ไม่มีอะไรมารับประกันเลยว่าการรับงานโค้ชครั้งนี้จะไปได้สวย เพราะนี่คืองานที่ค่อนข้างหินเอาเรื่อง
แต่ทีมอย่างเกษตรศาสตร์ฯ และตัวของชูศักดิ์เอง มักมีพลังแฝงเสมอ ในเวลาเจออะไรที่กดดันหรือบีบหัวใจ ทั้งคู่มักจะเอาตัวรอดได้ตลอด ก็ไม่แน่เหมือนกัน บางทีนี่อาจจะเป็นเคมีที่ลงตัวกันก็เป็นได้
โดยเฉพาะผลงานในนัดล่าสุดที่ดูจะกระเตื้องขึ้นมาบ้างแล้ว หลังเป็นฝ่ายไล่ตามตีเสมอจันทบุรี เอฟซี 1-1 ในช่วงนาทีบาปของครึ่งหลัง กลับมาเก็บคะแนนได้อีกครั้ง (นัดนี้ “โค้ชชู” ยังไม่ได้ประเดิมคุมทีมข้างสนาม ทั้งที่มีการเปิดตัวกับสโมสรไปแล้ว)
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าติดปัญหาเรื่องใดรึเปล่า แต่จากทั้งหมดทั้งที่กล่าวมา ก็ถือว่ามีแต่เรื่องที่ต้องตามแก้ไขกันทั้งนั้นสำหรับเกษตรศาสตร์ฯ
ขอเอาใจช่วยให้สโมสรร่วมกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ออกไปให้ได้โดยเร็วครับ อย่างน้อยก็อยากให้คงสถานะทีมมหาวิทยาลัยทีมเดียวที่ได้โลดแล่นอยู่ในลีกรองก็ยังดี
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี