:::     :::

จาก เดวิด มอยส์ ถึง เอริก เทน ฮาก

วันศุกร์ที่ 08 ธันวาคม 2566 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,006
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าวเอาไว้ว่า "หากวันไหนที่ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกควบคุมโดยนักเตะ - หรืออีกนัยหนึ่งก็คือถ้านักเตะตัดสินใจว่าควรซ้อมยังไง, วันไหนควรจะหยุด, วินัยควรเป็นยังไง และ แท็คติกควรเป็นยังไง ถ้าอย่างนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะไม่ใช่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เรารู้จัก"

ในครั้งนั้น "ป๋า" พูดไว้สมัยคุมทีม "ปีศาจแดง" บอกเป็นนัยถึง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีมบ่อยครั้งจนกลายเป็นนักเตะที่ควบคุมห้องแต่งตัวเอาไว้ได้

"มันสร้างพลังให้นักเตะซึ่งนั่นอันตรายมาก หากโค้ชคุมห้องแต่งตัวไม่ได้ เขาก็จะอยู่ไม่ได้" เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวเสริม

หลังจากลงจากตำแหน่งนายใหญ่แห่งรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด คำพูดนั้นกลับมาหลอกหลอนสโมสรที่เขารักสุดหัวใจในปัจจุบัน

ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกร้องให้ ตระกูลเกลเซอร์ เพิ่มเงินค่าเหนื่อยของนักเตะเพื่อรักษาอำนาจในห้องแต่งตัวหลังจากที่ เวย์น รูนี่ย์ ได้รับค่าเหนจื่อย 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ 

หนึ่งทศวรรษผ่านไปตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นแบบ "สิงห์บลูส์" และ "เรือใบ" ที่เขาเคยกล่าวอ้าง


ตลอด 10 ปีผ่านมาทีมเปลี่ยนผู้จัดการทีมไปมากมายทั้ง เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กระทั่งล่าสุดกับ เอริก เทน ฮาก ที่ถูกยกเป็นผู้จัดการทีมลำดับต้นๆ ของ พรีเมียร์ลีก ที่จะตกงานคนต่อไป แม้เกมล่าสุดจะเก็บชัยชนะเหนือ เชลซี ได้ก็ตาม

คำว่า "มลพิษ" กลายเป็นคำพูดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาสำหรับบรรยากาศในห้องแต่งตัวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีรายงานว่าตอนนี้ เอริก เทน ฮาก สูญเสียการสนับสนุนของนักเตะในทีมไปแล้วครึ่งหนึ่ง

จากรายงานมีการระบุว่านักเตะในทีมไม่พอใจกับสไตล์การเล่น รวมถึงเรื่องของโปรแกรมการซ้อมที่หนักหน่วง มีการบ่นเกี่ยวกับการบริหารคนของนายใหญ่ชาวฮอลแลนด์ ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลเหมือนกันหลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วทีมทำผลงานได้ดีและรูปแบบการเล่นที่ออกมาก็ได้รับคำชื่นชม 

นั่นทำให้แฟนบอลมองว่าฤดูกาลนี้ทีมมีอนาคตที่สดใสรออยู่แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างกลับตรงกันข้าม แม้ว่าอันดับในลีกถือว่าไม่ขี้เหร่ แต่เรื่องของผลงานในสนามต้องบอกว่าย่ำแย่


พูดถึงอำนาจในห้องแต่งตัวที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หยิบยกขึ้นมา มันเกิดขึ้นในทันทีที่มีการเปลี่ยนมือมาเป็น เดวิด มอยส์ และกุนซือชาวสกอตแลนด์ ก็ได้อยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 10 เดือนจากสัญญาที่เซ็นกันไว้ 6 ปี

ประเด็นที่สำคัญอาจจะเป็นเรื่องของ "บารมี" ที่คนละชั้นกับ "ป๋า" แม้ว่าจะได้รับการส่งเสริมจากยอดคนชาวสกอตต์ก็ตามที แถมยังมีวลีที่ "ฆ่าตัวตาย" ที่บอกว่า "ลิเวอร์พูล เป็นทีมเต็งแชมป์" ก่อนเกมเจอกันที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด หรือจะบอกว่า "ซิตี้ อยู่ในระดับที่เราปรารถนาไปให้ถึง" ทั้งทีมที่เพิ่งได้แชมป์ในซีซั่นที่ผ่านมา

ถ้าหากมองว่า เดวิด มอยส์ เสียห้องแต่งตัวไปพร้อมผลงานที่ย่ำแย่ เมื่อมาถึงมือของ หลุยส์ ฟาน กัล ต้องบอกว่าห้องแต่งตัว "เป็นพิษ" อย่างแท้จริง

แน่นอนว่าด้วยฝีมือของ ฟาน กัล ที่เป็นที่ยอมรับและเป็นผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับแถวหน้า ทำให้เขามี "อีโก้" บางอย่างที่มั่นใจว่าจะสามารถกำราบผู้เล่นในทีมได้

แต่ถึงแม้ทีมจะคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ภายใต้การคุมทีมของเขา แต่มีการเปิดเผยว่าเขาเสียความเคารพในห้องแต่งตัวไปนานแล้ว และการอยู่กับทีมได้นานถึง 2 ฤดูกาลเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก


ฟาน กัล มีการเรียกนักเตะมาซ้อม 2-3 ครั้งในช่วงปรี-ซีซั่น 2014 ส่งผลให้ผู้เล่นในทีมเจอกับอาการบาดเจ็บหลายคน นักเตะมีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปิดฤดูกาลและการออกสตาร์ทซีซั่น 2014/15 ก็เป็นการออกสตาร์ที่แย่ที่สุดในรอบ 25 ปีของสโมสร

โดยปกติหลังเกมวันอาทิตย์, วันจันทร์ จะเป็นวันหยุด แต่เขากลับบังคับให้ผู้เล่นมาดูวิดีโอเกมอีกครั้ง และสับนักเตะแบบไร้ความปราณีหากผลงานแย่ นั่นทำให้ เวย์น รูนี่ย์ และ ไมเคิ่ล คาร์ริค สองขาใหญ่ประจำทีมถึงกับต้องเข้าไปคุยเพื่อให้มันเบาลงกว่านี้หน่อย

สไตล์การเล่นก็กลายเป็นปัญหาจากรูปแบบการเล่นทางริมเส้นในขณะที่นักเตะที่มีสัญชาตญาณในการจบสกอร์อย่าง เวย์น รูนี่ย์ กลับถูกสั่งห้ามยิงในจังหวะแรกซะอย่างงั้น

การซื้อนักเตะอย่าง เมมฟิส เดอปาย และ อังเคล ดิ มาเรีย จบลงด้วยความล้มเหลวแถมยังทำลายความสามัคคี สุดท้ายมันแย่เกินกว่าที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้ และไม่ได้รับความเคารพแม้จะได้แชมป์ เอฟเอ คัพ อย่างที่บอกไป


มาถึงการทำงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ อีกหนึ่งยอดฝีมือที่นำความสำเร็จอย่าง ลีก คัพ และ ยูโรปา ลีก แต่ปัญหาคือ นายใหญ่ชาวโปรตุเกส พร้อมที่จะออกมาสับแหลกนักเตะที่หย่อนยานและทำผลงานไม่มี โดยมี ลุค ชอว์, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เอริก ไบยี่ เป็นเหยื่อ

นั่นทำให้นักเตะอยู่ในทีมด้วยความหวาดระแวงว่าจะทำอะไรผิดและจะโดนด่า และที่เป็นเรื่องราวโด่งดังก็คือการเหน็บ ปอล ป็อกบา ในระหว่างการซ้อมเมื่อปี 2018 ที่มีคลิปวิดีโอหลุดออกมาว่อนสื่อ

ปัญหาของ มูรินโญ่ คือเขามองว่า ป็อกบา มีอิทธิพลในห้องแต่งตัวและในไม่ช้าก็จะส่งผลเสียต่อคนเป็นผู้จ้ดการทีมแน่ สุดท้ายเจ้าตัวโดนปลดจากตำแหน่งไปในเดือนธันวาคม หลังผู้เล่นบางคน "หยุด" ที่จะสู้เพื่อผู้จัดการทีม

การแสดงออกของผู้เล่นถึงชัยชนะในครั้งนี้ถูกเผยออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ ลุค ชอว์ หนึ่งในเป้าวิจารณ์ของ มูรินโญ่ ที่ยกนิ้วโป้งให้กล้องในระหว่างขับรถมาที่แคร์ริงตันในวันที่ มูรินโญ่ โดนปลด

หรือจะ อเล็กซิส ซานเชซ ที่โพสต์สตอรี่ทาง อินสตราแกรม ในขณะที่ขับรถเข้าแคร์ริงตันพร้อมเพลง "Now We Are Free" ของ Hans Zimmer จากภาพยนต์ Gladiator อันโด่งดัง

การมาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ช่วยคืนรอยยิ้มกับสิ่งที่เรียกว่า "การรีเซ็ตทางวัฒนธรรม" และด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในการคุมทีมชั่วคราวทำให้เขาได้สัญญาถาวร


แต่เรื่องดีๆ ก็ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อผลงานแย่ลงในฤดูกาล 2019/20 แต่ก็ประคับประคองไปจนกระทั่งในซีซั่นถัดมาการได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สร้างเสียงฮือฮา แต่มันมาพร้อมกับการต้องปรับแผนให้เขากับสไตล์ของสตาร์ทีมชาติโปรตุเกส

นั่นทำให้สไตล์ที่กำหนดไว้ชัดเจนตั้งแต่เข้ามาคุมทีมต้องเปลี่ยนแปลงจนสร้างปัญหาให้กับนักเตะหลายคน นำมาซึ่งความเคารพที่ลดน้อยถอยลงไปเช่นกัน

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เอริก ไบยี่ ที่ไม่พอใจเมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังได้ลงเล่น แม้กระทั่งตอนไม่ฟิตก็ตาม หรือจะ เจสซี่ ลินการ์ด กับ เนมันบ่า มาติช ที่ไม่พอใจกับการปฎิบัติที่ได้รับ

และเมื่อ โรนัลโด้ หมดศรัทธาในตัว โซลชา เขาก็ใช้อิทธิพลที่มีในทีมต่อต้าน แม้เจ้าตัวจะออกมายืนกรานต่อสาธารณะว่าสนับสนุนนายใหญ่ชาวนอร์เวย์ก็ตาม ในขณะที่มีรายงานว่า จอร์จ เมนเดส เอเย่นต์ของ โรนัลโด้ ก็สร้างปัญหาอยู่ที่เบื้องหลัง

ไหนจะเรื่องของถอด ดาบิด เด เคอา เป็นสำรองแล้วใช้ ดีน เฮนเดอร์สัน บ่อยครั้งซึ่งทาง โซลชา มองเรื่องการแข่งขันว่าเป็นสิ่งที่ดี บวกกับการให้ แม็กไกวร์ ที่เพิ่งมาอยู่ในทีมไม่นานเป็นกัปตันทีมอีก


กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายมาขาดหลังแพ้ วัตฟอร์ด 1-4 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 สุดท้ายก็โดนปลดจากตำแหน่งไป

ส่วน ราล์ฟ รังนิก ไม่สามารถพูดได้ว่าเสียความเคารพในห้องแต่งตัวเพราะอาจจะไม่เคยได้รับมันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ตอนนี้ เอริก เทน ฮาก เองก็กำลังเจอกับความสั่นคลอนนี้แบบเดียวกับผู้จัดการทีมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 

เขาพยายามฟื้นฟูมาตรฐานและจัดการเชือด โรนัลโด้ เมื่อ 12 เดือนที่แล้ว ไหนจะ แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ดาบิด เด เคอา  และ เจดอน ซานโช่ ที่ถูกเมินอย่างไร้ความปราณี แม้ว่าช่วงหลัง แม็กไกวร์ จะกอบกู้ตัวเองกลับมาได้บ้าง

ส่วนการตัดสินใจของ เทน ฮาก จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เชื่อว่าภายในซีซั่นนี้เราคงได้เห็นกันอย่างเป็นรูปธรรม


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด