:::     :::

บิ๊กแมตช์คุณภาพ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูล เปิดรังเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 ในเกมบิ๊กแมตช์ที่สู้กันได้สมศักดิ์ศรี และเกมคุณภาพอย่างแท้จริง

การเจอกันคู่นี้เดิมพันสูงมากด้วยตำแหน่งจ่าฝูง ลิเวอร์พูล จะแซงนำจ่าทันทีถ้าชนะได้ ส่วน อาร์เซน่อล ขอเสมอเป็นอย่างน้อยเพื่อรักษาบัลลังก์ แต่หากควักชัยชนะกลับออกไปยิ่งดีเพราะจะหนีเป็น 4 คะแนน

ตัวผู้เล่นไม่ได้สมบูรณ์ด้วยกันทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล ไม่มี แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ และ ดิโอโก้ โชต้า ฯลฯ ส่วน อาร์เซน่อล ก็ขาด  โธมัส ปาร์เตย์ กับ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ 

แต่ด้วยขนาดทีมที่ใหญ่ทำให้สามารถจัดชุดที่แกร่งมากๆ ลงดวลกันได้ โดยที่ ลิเวอร์พูล เสียเปรียบความฟิตเล็กน้อยเพราะเพิ่งผ่านเกมกลางสัปดาห์ในถ้วยคาราบาว คัพ แต่ก็ได้เปรียบกับการเล่นในบ้านซึ่งมีสถิติดีมากในการเจอกับ อาร์เซน่อล

หงส์แดงไม่เสียท่าปืนใหญ่ในรังแอนฟิลด์มานาน 11 ปี หรือนับตั้งแต่ที่เคยแพ้ 0-2 เมื่อปี 2012 โดยเอาชนะได้ถึง 7 จาก 10 นัด และทุกนัดที่ชนะได้ก็ยิงอย่างน้อย 3 ประตู เรียกได้ว่าสถิติข่มผู้มาเยือนจากลอนดอนอย่างมาก

แต่ อาร์เซน่อล ในยุค มิเกล อาร์เตต้า ถือว่ายกระดับขึ้นมาได้อย่างมากในช่วงหลัง ฤดูกาลก่อนที่มาเยือนสามารถขึ้นนำก่อนถึงได้ 2-0 แต่ว่ามาโดนตีเสมอ 2-2 

กลับมาเจอกันอีกครั้งก็เป็น อาร์เซน่อล ที่ชิงนำก่อนตั้งแต่ 4 นาทีแรกจากฟรีคิกที่ มาร์ติน โอเดการ์ด เปิดแม่นยำเข้าหัว กาเบรียล มากัลเญส โขกเสียบเสาแรก

ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ทำได้ดีอยู่แล้วกับการเล่นลูกตั้งเตะ ฤดูกาลนี้ได้ประตูจากจังหวะเล่นลูกนิ่ง 11 ประตู มากกว่าทุกทีมในลีก ส่วน กาเบรียล มากัลเญส ก็ทำประตูแรกในฤดูกาลได้เสียทีหลังจากเติมขึ้นมาลุ้นโหม่งประตูตลอด


นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2020 ปราการหลังทีมชาติบราซิลเป็นผู้เล่นกองหลังที่ทำประตูได้มากสุดในพรีเมียร์ลีกที่ 11 ประตู แม้ประตูแรกในฤดูกาลนี้มาช้าแต่ก็มาในเกมสำคัญที่ทำให้จังหวะการเล่นของทีมดูดีกว่า ลิเวอร์พูล ในช่วง 15 นาทีแรก

แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังเป็น ลิเวอร์พูล ที่มีคุณภาพและอันตรายทุกจังหวะ พวกเขาเลือกเล่นบอลไดเรกต์วางยาวแก้ลำ อาร์เซน่อล ที่กำลังได้ใจบุกใส่ตั้งแต่เริ่มเกม

บอลยาวของ ลิเวอร์พูล ได้ผลจนตามตีเสมอได้ก่อนครบครึ่งชั่วโมง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สาดยาวไปถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เอาบอลงก่อนโยกหนี โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แล้วยิงเข้าเสาแรกสุดเด็ดขาด

เกมรับทั้งสองทีมผลัดกันพลาด ลิเวอร์พูล ประกบตัวไม่ดีจนปล่อยให้ กาเบรียล ได้โหม่ง ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็หลวมไปนิด ซินเชนโก้ เอา ซาลาห์ ไม่อยู่ ขณะที่เพื่อนร่วมทีมก็ยืนห่างไป พอจะเข้ามาซ้อนก็ไม่ทันแล้ว

แต่ก่อน ลิเวอร์พูล ตีเสมอได้ พวกเขาก็น่าจะได้จุดโทษในจังหวะแย่งบอลระหว่าง มาร์ติน โอเดการ์ด และ โม ซาลาห์ ที่บอลโดนมือ โอเดการ์ด 

โอเดการ์ด ลื่นเล็กน้อยและมือที่กางออกเหมือนตบบอล ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ที่แน่ๆ คือขัดขวางจังหวะการเล่นของผู้เล่นเกมรุกที่หากไม่โดนมือ ซาลาห์ ก็มีโอกาสเกี่ยวบอลเข้าไปยิงประตู

ผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ มองว่าไม่ใช่จุดโทษ และวีเออาร์ก็ไม่ได้แย้งจนต้องหยุดเกมเพื่อเช็กให้ละเอียด 

จังหวะลักษณ์นี้มีโอกาสเป็นจุดโทษสูงมาก คอมเมนเตเตอร์หลายคนก็มองว่าจุดโทษ แม้แต่ วิลเลียม ซาลีบา กองหลัง อาร์เซน่อล ก็ยอมรับหลังเกมว่าแฮนด์บอลเป็นจุดโทษ แต่เมื่่อผู้ตัดสินไม่เป่า อาร์เซน่อล ก็รอดตัวไป

อีกจังหวะสำคัญคือท้ายเกมครึ่งแรกที่ บูคาโย่ ซาก้า เบียดกับ คอสตาส ซิมิกาส จนแนวรับทีมชาติกรีซเสียหลักล้มและไปชนกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ และเจ็บหนักถึงขั้นไหล่หลุดเลย ถือว่าหงส์แดงเสียหากมากๆ ที่เสียแบ็กซ้ายไปอีกคนเพราะก่อนหน้านี้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ก็เจ็บอยู่แล้ว แถมเป็นการเจ็บไหล่เหมือนกันอีก


แต่คนที่ลงมาแทนอย่าง โจ โกเมซ ก็ทำผลงานได้ดีทีเดียวแม้ไม่ใช่ตำแหน่งถนัด เกมรับช่วยสกัดช่วยบล็อกได้หลายครั้ง แถมมีจังหวะเติมขึ้นไปลุ้นยิงแบบได้เสียวกันทั้งสนาม 

ประตูตีเสมอ 1-1 ของ ซาลาห์ ทำให้การเล่นของ อาร์เซน่อล หลังจากนั้นต้องระวัดตัวและปรับโหมดให้รัดกุมมากขึ้นเพราะผลีผลามบุกเหมือนช่วงแรกไม่ได้แล้ว ลิเวอร์พูล ทำให้เห็นแล้วว่าพร้อมยิงประตูทุกเมื่อจากบอลยาว ไม่ต้องเสียเวลาต่อบอล

ในฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล เดินหน้าบุกไม่ยั้งหลังนำเร็ว 2-0 เหมือนได้ใจมากไปจนทำให้การคอนโทรลเกมไม่นิ่งเท่าที่ควร สุดท้ายก็โดนตามตีเสมอได้ นั่นคือบทเรียนที่ มิเกล อาร์เตต้า ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก 

พอ อาร์เซน่อล ถอนคันเร่งลง เกมของ ลิเวอร์พูล ก็ได้บุกมากขึ้น และเป็น อาร์เซน่อล ที่รอสวนบ้างจนเกือบนำอีกครั้งในท้ายครึ่งแรกที่ กาเบรียล เชซุส แทงให้ ซาก้า หลุดไปแตะหนี อาลีสซง ก่อนบอลมาถึง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ รอจังหวะซัดด้วยขวา แต่หลุดเสาน่าเสียดาย

ครึ่งหลัง ความสูสีและจังหวะเล่นยิ่งทันกันแทบทุกจังหวะ แลกกันสนุกแบบทีต่อที ไม่มีช่วงน่าเบื่อหน่ายเกิดขึ้นเลยแม้ไม่มีประตูเหมือนครึ่งแรกก็ตาม

ช่วง 25 นาทีสุดท้ายทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ มิเกล อาร์เต้า ก็งัดแท็กติกมาสู้กันอย่างไม่มีใครยอม คล็อปป์ ปรับให้ โม ซาลาห์ เล่นหน้าเป้า และมีสองตัวสำรอง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ กับ ดาร์วิน นูนเญส ขนาบขวา-ซ้าย ส่วน อาร์เตต้า ก็เลือกส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงมาแทน มาร์ติเนลลี่ ที่แม้ดูวูบวาบและมีโอกาสลุ้นยิง แต่ก็โดน อิบราฮิม่า โกนาเต้ จัดการได้บ่อยครั้ง

ไฮไลต์สุดของครึ่งหลังอยู่ที่จังหวะโต้กลับของ ลิเวอร์พูล ที่หลุดเรียงหน้ากระดาน 5 คนจี้เข้าใส่ เดแคลน ไรซ์ บอลอยู่ที่ ซาลาห์ ก่อนเลือกไหลให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงเน้นๆ ในเขตโทษ แต่ชนคานดังสนั่น


ลิเวอร์พูล พลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดายกับจังหวะนี้ และ อาร์เซน่อล ก็โชคดีมากที่ไม่เสียประตู สุดท้ายไม่มีทีมใดยิงประตูชนะได้ ต้องแบ่งแต้มกันไป 

แม้หงส์แดงเสียดายกับลูกยิงชนคานของ เทรนท์ และจุดโทษที่น่าจะได้ในครึ่งแรก แต่ความรู้สึกอยากตีอกชกตัวอาจไม่ได้มากเท่าวันเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบไร้สกอร์ เพราะทีมปืนใหญ่เองก็แสดงคุณภาพออกมาสู้ได้ดี 

เป็นเกมที่สูสีมาก สมราคาบิ๊กแมตช์ ยิ่งดูสถิติหลังเกมยิ่งเห็นว่าใกล้เคียงกันสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์การครองบอล (51:49), โอกาสยิง (13:13), เข้ากรอบ (3:2), เตะมุม (4:5), ฟรีคิก (14:14), สัมผัสบอล (652:647), จ่ายบอลสำเร็จ (355:337), ฟาวล์ (13:14) หรือกระทั่งล้ำหน้า (1:1) 

สภาพสนามที่ค่อนข้างลื่นก็มีส่วนต่อการเล่นไม่น้อย นักเตะ อาร์เซน่อล เสียจังหวะและเสียบอลบ่อยครั้ง แต่ก็ยังช่วยกันเอาตัวรอดได้โดยเฉพาะผู้เล่นเกมรับทั้ง เดแคลน ไรซ์ และคู่เซนเตอร์ วิลเลี่ยม ซาลีบา กับ กาเบรียล มากัลเญส ที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอด เช่นเดียวกับผู้เล่นเกมรับของ ลิเวอร์พูล ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน 

ผลเสมอจึงยุติธรรมอย่างที่สุด ลิเวอร์พูล พลาดขึ้นจ่าฝูงแต่ยังไม่เสียหายมากเพราะยังตามหลัง อาร์เซน่อล คะแนนเดียว พร้อมแซงทุกเมื่อ


ขณะที่ อาร์เซน่อล การบุกเสมอได้ทำให้จะเป็นจ่าฝูงในวันคริสต์มาสเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน 

ฤดูกาลที่แล้วเป็นจ่าฝูงด้วยคะแนนเฉลี่ยที่ดีกว่าฤดูกาลนี้ แต่สุดท้ายก็ยังพลาดแชมป์ มาดูกันว่าฤดูกาลนี้จะแก้ตัวได้หรือไม่กับการลุ้นแชมป์ที่น่าจะยากยิ่งขึ้น

ฤดูกาลที่แล้วที่สู้กับ แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียว แต่ฤดูกาลนี้มี ลิเวอร์พูล ร่วมด้วย และแน่นอนคงกาชื่อตัวละครอย่าง แอสตัน วิลล่า กับ สเปอร์ส ทิ้งไปไม่ได้เช่นกัน

แต่หากเล่นกันด้วยคุณภาพแบบนี้ อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นแชมป์จนถึงที่สุดอย่างแน่นอน 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด