:::     :::

"หนองบัว พิชญ เอฟซี" มวยภูธร ตัวเต็งเลื่อนชั้น

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
969
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้อนกลับไปในนัดที่ 27 ของไทยลีก 2021/22 ชื่อของ หนองบัว พิชญ เอฟซี ต้องตกชั้นลงสู่ลีกพระรอง พร้อมกับ ลำปาง เอฟซี ชนิดที่แฟนบอลซึ่งเดินทางตามไปเชียร์ทีมใน ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ต้องน้ำตาอาบแก้มในวันดังกล่าวเพราะแพ้ เมืองทอง ยูไนเต็ด ไป 1-3 การตกชั้นครั้งนั้น กลายเป็นการบ้านชิ้นสำคัญของผู้บริหาร ให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทีมหลายอย่าง เพราะด้วยตัวเลขของเม็ดเงินทำทีมในการหล่นมาไทยลีก 2 ย่อมลดลงอยู่แล้ว

ล่าสุดเมื่อจบเกมสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าพวกเขาแพ้ให้กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-3 ทว่าก็ยังเพียงพอต่อการเข้าป้ายด้วยตำแหน่งการเป็น “รองแชมป์เลกแรก” มี 34 คะแนน เท่ากับ โคราช แต่ลูกได้เสียของพวกเขากลับทำได้ดีกว่า วันนี้เรามาร่วมกันหาคำตอบกันว่าทำไมทัพ “พญาไก่ชน” กลายเป็นทีมเต็งที่มีโอกาสเลื่อนชั้นกลับมาลีกสูงสุดอีกครั้ง 


โค้ชที่คุ้นเคยกลับมา

สิ่งแรกที่สโมสรเดินเครื่องทันที นับตั้งแต่ปรีซีซั่น คือ การแต่งตั้ง "โค้ชต้น" สุกฤษฎิ์ โยธี กุนซือระดับ เอ ไลเซนส์ กลับมาจาก ลำปาง เอฟซี ซึ่งเจ้าตัวมี "ดีเอ็นเอ" ของความเป็น "พญาไก่ชน" ไหลเวียนอยู่ในกายาทุกอณู แม้ว่าจะเคยเป็นนักเตะของสโมสรศรีราชา เอฟซี มาก่อนก็ตามที

เจ้าของฉายา "ดร.ส่วย" เริ่มต้นงานโค้ชในปี 2015 ในบทบาทผู้ช่วยโค้ชทัพ "พญาไก่ชน" จนกระทั่งปี 2019 ได้โอกาสทำงานเป็นเฮดโค้ชกับทีม หนองหาน ยูไนเต็ด ทีมในระดับ TA ก่อนพาทีมได้แชมป์ และเลื่อนชั้นสู่ ที4 ในปีเดียวกัน และเปลี่ยนมาเป็น อุดร ยูไนเต็ด ลุยศึกไทยลีก 3

ก่อนที่ปี 2022 จะโยกไปคุม ลำปาง เอฟซี สามารถพาทีมเข้าป้ายจบอันดับ 4 ของไทยลีก 2 ด้วยผลงาน ชนะ 17 เกม เสมอ 14 แพ้ 7 จาก 38 นัด และชนะในรอบเพลย์ออฟคว้าตั๋วเลื่อนชั้นไปเล่นลีกสูงสุดใบสุดท้ายได้อย่างยิ่งใหญ่ แม้ว่าสุดท้ายจะอยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียว แต่เขาก็ได้กลับมาลุยภารกิจใหญ่กับ หนองบัวฯ อีกครั้งในซีซั่นนี้


ขุมกำลังมีประสบการณ์

การกลับมาคุม หนองบัวฯ ของ “โค้ชต้น” เขายังได้กลุ่มนักเตะที่เคยพา ลำปาง เอฟซี เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 13 ปี ด้วยสไตล์การเล่นแบบ “บุก ทุบ แทง” มาด้วยหลายคน นำมาโดย วิชิต ธานี กองกลางสารพัดประโยชน์ ซึ่งเป็นทหารเอกคู่บุญของกุนซือชาวศรีสะเกษ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี วีระยุทธ ศรีวิชัย แนวรุกจอมเทคนิค, ชาวิน ธีรวัจน์ศรี กองหน้าล่าตาข่าย ซึ่งเวลานี้เป็นรองดาวซัลโวของทีม หลังจากกดไปแล้ว 6 ประตู, ฝาแฝดตระกูล "สงมา" ทั้ง "จักราวุธ-จักรกฤษ", วุฒิชัย มารมย์ กับ อดิศักดิ์ แหวนหล่อ

บวกกับคนที่ยังอยู่กับทีมที่เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น "ลูกพี่ไดร์" ปิยพล ผานิชกุล ที่ปรับมาเล่นกองกลางด้านใน พร้อมทำไป 4 ประตู, กิตติคุณ แจ่มสุวรรณ นายด่านจอมเก๋า, ณัฐวุฒิ คำรินทร์ มิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอล ทำให้กลายเป็นทีมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวมากทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องประสบการณ์ในการเลื่อนชั้นของนักเตะที่มีอยู่


ได้ตัวทีเด็ดต่างชาติและเอเชียระดับคุณภาพ

อีกเรื่องที่ต้องชมทีมงานสตาฟฟ์ของ "พญาไก่ชน" ในการสรรหาแข้งนอกเข้ามาสู่ทีม ซึ่งถือว่าเอาตัวที่มีประสบการณ์ในการไล่ล่าตั๋วเลื่อนชั้นเข้ามาด้วย นำมาโดย อเล็กซานดาร์ คาปิโซดา กองหลังชาวโครแอตวัย 33 ปี เจ้าของส่วนสูง 189 เซนติเมตร ซึ่งผ่านการเล่นหลายทีมมากมายในไทย

อีกทั้งเมื่อพวกเขาต้องการ “จ้าวเวหา” เหมือนตอนที่มี แฮมิลตัน โซอาเรส อยู่กับทีม ก็เลยไปดึง โจเซ่ นิลสัน ที่ผ่านการเล่นล่าสุดกับ อยุธยา ยูไนเต็ด นอกจากนี้ยังเป็นดาวซัลโวตัวหลักของทีมไปแล้ว หลังจากเลกแรกลงสนามไป 15 นัด ซัดไปถึง 9 ประตูด้วยกัน

แถมกำลังจะได้ จูเนียร์ บาติสต้า หัวหอกจาก ดราก้อน ปทุมวัน กาญจนบุรี มาในเลกสอง แทนที่ เดชอร์น บราวน์ กองหน้าทีมชาติจาไมก้า แต่ที่เด็ดสุดๆคือแข้งเอเชียอย่าง เคนโตะ นางาซากิ ที่โยกมาจาก อุทัยธานี เอฟซี หลังเป็นแกนหลักในการพา "ช้างป่าห้วยขาแข้ง" เลื่อนชั้นไปลุยลีกสูงสุดในฤดูกาลก่อน


ผนึกดาวรุ่งที่พร้อมอัพเลเวล

หนองบัวฯ เวอร์ชั่น 2023/24 มีส่วนผสมของดาวรุ่งในทีมที่ยอดเยี่ยมมากๆ และเป็นการดันขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่แล้ว นำมาโดย "ลีออน จ่อย" อภิสิทธิ์ แสนสีคำม้วน แบ็คซ้ายทีมชาติไทย ยู 23 ซึ่งอยู่กับสโมสรแห่งนี้มานานถึง 6 ปี ตั้งแต่อคาเดมี อายุไม่เกิน 15 ปี

ยังมี “เจ้าออย” ธวัชชัย โอชารส เจ้าหนูกองกลางดีกรีนักเตะฟ็อกซ์ ฮันท์ รุ่นที่ 4 ซึ่งมีโอกาสได้ลงสนามในช่วงสองเกมหลังสุดในฐานะตัวสำรอง ประมาณ 10 นาทีสุดท้าย ตอนอายุ 18 ปีเท่านั้น เป็นการสัมผัสไทยลีก 1 เมื่อ 2 ปีก่อน ในเกมที่ หนองบัว พิชญ เอฟซี เปิดบ้านพบ สมุทรปราการ ซิตี้  

รวมทั้ง 2 ดาวรุ่ง "แบน" ธนาวุฒิ โพธิ์ชัย กับ "บอล" พีระนันท์ บัวไข ซึ่งได้ไปฝึกฟุตบอลที่ โชนัน เบลล์มาเร่ ทีมพันธมิตรลูกหนังแห่งเจลีก ประเทศญี่ปุ่น มาแล้ว 2 สัปดาห์ ในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ก้าวมาสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลานี้ เรียกว่าเป็นอนาคตใหม่ของ "พญาไก่ชน" ที่มีคุณภาพแบบน่าจับตามองมากทีเดียว


เล่นด้วยใจสไตล์ “มวยภูธร”

ใครที่เป็นแฟนคลับ "โค้ชต้น" หรือ "ดร.ส่วย" จะทราบว่า เขามีสไตล์การเล่นแบบ “บุก ทุบ แทง” ซึ่งการทำทีมของเขานั้นได้นำคอนเซปต์นี้มาใช้ พร้อมกับคำว่า “ใจแลกใจ”กับทีมงานและนักเตะทุกคน แม้จะมี “บางเสียง” ที่ตั้งแง่ในตัวเขา แต่เขาไม่สนใจ เดินหน้าไล่ล่าพิสูจน์ด้วยผลงานในสนามอย่างเดียว

การกลับมาทำ หนองบัว พิชญ เอฟซี หนนี้ เหมือนกับว่า 4 ปี ที่เขาออกไปผจญภัยในวงการฟุตบอลมาทุกระดับ ทำให้เขามีประสบการณ์และความนิ่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม แบะช่วยให้เขากลับมาทำทีมยอดทีมจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทย ได้อย่างมีจิตวิญญาณในความเป็น "มวยภูธร"

เกมรุกดูมีมติ บุกขึ้นไปต้องจบให้ได้ หากยังไม่ได้แนวรับต้องแข็งไว้ก่อน ไม่ได้ต้องวิ่งชนหรือตะบี้ตะบันในการขึ้นเกม ปรัชญาเหล่านี้ถูกหล่อหลอมมาด้วยประสบการณ์ของโค้ชและนักเตะ ที่เคยไปเจอของจริงในลีกสูงสุดมาแล้วในซีซั่นก่อน จนมีโอกาสนำมาใช้กับ หนองบัว พิชญ เอฟซี เพื่อลุ้นตั๋วพาทีมกลับไปไทยลีก 1 อีกครั้ง


"กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว" หรือ ความยิ่งใหญ่หรือความสำเร็จนั้น ไม่ได้ถูกสร้างในระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องเกิดจากการสะสมประสบการณ์ที่ยาวนาน เช่นเดียวกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่กำลังเข้าสู่ยุคใหม่

เชื่อว่าจากนี้ "ความมั่นใจ" ของพวกเขาจะมาเรื่อยๆ และเป็นทีมเต็งในการเลื่อนชั้น อย่างที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธแน่นอน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด