:::     :::

แพ้แต่ใจฟู

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่สามารถ "ชนะใจแฟนบอล" ได้อย่างจัง

สำหรับทัพ ทีมชาติไทย ที่แพ้ อุซเบกิสถาน ไปแบบสนุก 1-2

ก่อนเกมเริ่ม เรารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นรองคู่ต่อสู้ ทั้งกระดูกฟุตบอล สรีระ ประสบการณ์ แต่นั่นก็คือ “บททดสอบ” สำหรับช้างศึกในการปีนป่ายกำแพง “ระดับเอเชีย”

ไลน์อัพ 11 คนแรก มาซาทาดะ อิชิอิ หักหน้าสื่อ-อินฟูลเอนเซอร์ทุกสำนัก “ขัดใจ” และถูกตั้งคำถามพอสังเขปจากแฟนบอล มีชื่ออย่าง ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ออกสตาร์ตในชุดแรก แทนที่ สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หรือ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี

มีบ่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยกแก้วเบียร์กระดก นั่งให้กำลังใจกันอยู่ดี

เมื่อเกมเริ่มจึงเข้าใจความคิดของ อิชิอิ ว่า การส่งผู้เล่นชุดสองในแนวรุกลงไปก่อน เหตุผลคือการไปไล่ฟัด บี้ให้คู่แข่งอ่อนกำลังลงเสียก่อน แล้วค่อยส่งตัวรุกชุดหลักลงไปในครึ่งหลัง




อิชิอิ ตั้งใจมา “ซื้อเกมรับ” ซึ่งไม่ผิด และเป็นแนวคิดของบอลที่เป็นรองอยู่แล้ว

เพียงแต่สิ่งที่แสดงให้เห็นออกมาในครึ่งเวลาแรกคือ “คุณภาพ” ของผู้เล่นตัวจริงกับตัวสำรอง ยังมีระยะห่างอยู่ในระดับหนึ่ง

ไม่ได้บอกว่าทีมชุดสองคุณภาพไม่ดี แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ การเอาตัวรอดในจังหวะดวล 1-1 หรือถูกคู่ต่อสู้ถึงตัวไว การเล่นร่วมในแดนกลางกับตัวรุก ความสัมพันธ์กัน ยังขาดไปในทีมชุดนี้

ผลลัพธ์ที่เห็นคือ บอลจากแดนกลางไปถึงข้างบนแทบไม่ได้ ถึงไปได้ก็ไม่สามารถเก็บบอลเล่นได้ต่อ กอปรกับทั้ง ปฐมพล และ วรชิต เองก็อยู่ในฟอร์มที่ “ต่ำกว่ามาตรฐาน” นั่นคือความจริงที่ต้องบอกตรง ๆ

สิ่งเหล่านี้คือ “ระยะห่าง”

ผู้เขียนเชื่อว่า อิชิอิ เข้าใจทรัพยากรผู้เล่นไทยที่มีดี นั่นคือสาเหตุที่ต้องซื้อเกมรับ




แต่สิ่งที่ไม่ได้คาดคิดคือ อุซเบกิสถาน เองก็ไม่ได้เร่งรีบผลีผลามในการล่าประตู พวกเขาแทบไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น ไม่เปิดพื้นที่ให้เราเล่นบอลสวนกลับง่าย ๆ ค่อย ๆ เซ็ตเกม ครองบอล มีช่องค่อยโจมตี ไม่หวือหวาเหมือน ซาอุดีอาระเบีย แต่แม่นยำ รวดเร็ว น้อยจังหวะ

ประตูขึ้นนำ 1-0 คือคำตอบชัดเจน

ครึ่งหลัง การส่ง ศุภณัฏฐ์ กับ สุภโชค ลงมาตั้งแต่เนิ่น ๆ เห็นผลในแดนบนอยางชัดเจน

การเอาตัวรอดของทั้งคู่ การเล่นร่วมกันกับ ศุภชัย ใจเด็ด รวมถึงคนอื่น ๆ ค่อยข้างลงตัวมากกว่า อีกทั้ง อุซเบกิสถาน เรี่ยวแรงเองก็หมดแบบเห็นได้ชัด จนเป็นที่มาของประตูตีเสมอ 1-1

อย่างไรก็ตาม อุซเบกิสถาน เองก็ไม่ได้ขวัญเสียแต่อย่างใด เกมรุกเขายังโชว์ศักยภาพระดับเอเชียให้เห็น โอกาสไม่ต้องเยอะ ขอแค่มีช่องนิดเดียว ก็พร้อมพาบอลไปสู่ก้นตาข่ายได้ทันที

ไทยเองโอกาสสร้างสรรค์เกม ก็มีให้เห็นมากกว่าครึ่งแรก เพียงแค่จังหวะสุดท้ายยังขาด ๆ เกิน ๆ ไปเท่านั้น




ถ้าถามว่าแท็คติกเราเองก็ดี แต่เหตุใดจึงแพ้ คำตอบคือ อุซเบกิสถาน แทบไร้ข้อผิดพลาด และใช้โอกาสที่มีจากความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของไทย ลงโทษอย่างเฉียบขาด

ถึงกระนั้นความพ่ายแพ้เกมนี้ ไม่ได้ทำให้ผู้เขียนกำหมัด โวยวาย อยากกระแทกแป้นพิมพ์วิจารณ์ใครเป็นพิเศษ

แต่เป็นในมุมชื่นชมมากกว่าด้วยซ้ำ

การเปลี่ยนผ่าน “กุนซือ” มาเป็น อิชิอิ มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่แทบไม่เหมือนเดิม

ในมุมแท็คติก เราเห็นการกล้าเล่น กล้าใช้งานผู้เล่นสำรองลงไปสู้ มีรูปแบบชัดเจน ที่แทบไม่เคยเห็นโค้ชคนอื่นที่เคยคุมทีมชาติไทยทำ

เราได้สู้กับ อุซเบกิซสถาน แบบ “ได้สู้จริง ๆ” ไม่ใช่หลังพิงฝา รอโดนนวดเหมือนตอนเอเชียนคัพรอบคัดเลือก เราไม่เสียประตูในรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง ๆ ที่มีปัญหามากมายเรื่องกรอบเวลาในการเตรียมทีม หรือขาดผู้เล่นหลักไป 2-3 ราย

ได้แต่หวังว่า สมาคมฟุตบอล และ ผู้จัดการทีม จะยังไว้เนื้อเชื่อใจให้ อิชิอิ ทำทีมต่อ และได้สัญญาในระยะยาว

วันนี้เรากระโดดแรงกิ้งขึ้นมาท็อป 100 หลายชาติเปลี่ยนมุมมองความคิดเกี่ยวกับฝีตีน ทีมชาติไทย ก็ได้แต่หวังว่า เราจะเห็น อิชิอิ ทำทีมต่อ และรักษาโมเมนตัมของเราเอาไว้

เอเชียนคัพ คือมาตรวัดว่าเราอยู่ในระดับไหนของเอเชีย เก็บเกี่ยวประสบการณ์ หาข้อผิดพลาด แล้วพัฒนากันต่อ

“ของแทร่” คือฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่รออยู่จากนี้ต่างหาก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด