:::     :::

คนที่ใช่ พายู23ไทยล่าตั๋วโอลิมปิก

วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,094
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วงการฟุตบอลไทยถึงเวลา "ฟ้าเปลี่ยนสี" อีกครั้ง เมื่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ประมุขลูกหนังคนใหม่ หลัง "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ชนะการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ด้วยคะแนนท้วมท้นตามคาด ด้วยคะแนน 68 เสียง จาก 73 โหวตเตอร์

ขั้นตอนหลังจากนี้ เลขาธิการ จะดำเนินการแจ้งจดทะเบียนสภากรรมการชุดใหม่ ต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเลือกตั้งเป็นไปตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทยต่อไป เพื่อการันตีตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนที่ 18 อย่างสมบูรณ์แบบ โดย “มาดามแป้ง” อุปนายกและสภากรรมการชุดใหม่ จะดำรงตำแหน่ง 4 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2567-2571 


เมื่อได้นายกสมาคมฯ คนใหม่แล้ว แน่นอนว่าผู้บริหารกลุ่มเดิมได้มีการประกาศอำลาตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กแชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด หรือจะเป็น พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ลาออกจากประธานคณะพิจารณาวินัย มารยาท 

เชื่อว่าอีกหลายๆ ท่านจะทยอยอำลาตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้กลุ่มบริหารใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนตามวาระ

หลายคนที่ติดตามฟุตบอลไทยมาอย่างต่อเนื่องจะทราบดีว่าตั้งแต่สมาคมฯ เจอปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ผู้บริหารบางท่านเราแทบไม่เห็นหน้าค่าตาตามสื่อเลย 


แต่มีคนหนึ่งที่ทำงานอย่างเงียบๆ มีบทบาทไม่น้อย ทว่าสปอร์ตไลท์ไม่ค่อยจับจ้องนั่นคือ “บิ๊กหยิม” ยุทธนา หยิมการุณ  

ในช่วงโค้งสุดท้ายของวาระการเป็นประมุขลูกหนังไทยของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้มอบหมายงานให้ “บิ๊กหยิม” ดูแลมากมาย แต่ละบทบาทล้วนมีความสำคัญกับฟุตบอลไทยอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้อำนวยการทีมชาติไทย รุ่นอายุไมเ่กิน 23 ปี รวมถึงทีมฟุตบอลหญิง ชุดต่างๆ รวมถึงการเป็นประธานคณะทำงานการก่อสร้างศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลแห่งชาติ

เมื่อได้รับมอบหมาย “บิ๊กหยิม” ทำหน้าที่ไม่มีขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะการดูแลนักเตะและทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 


ไล่ตั้งแต่การลุยศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ที่ได้เหรียญเงิน แม้ไม่ได้เหรียญทองตามเป้า แต่สามารถต่อยอดผลงานในรายการใหญ่ศึกลูกหนังชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก พร้อมมีส่วนผลักดันให้ทีม “ช้างศึก” พลังหนุ่มคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายที่กาตาร์ ได้ลุ้นโควต้าไปลุยศึกลูกหนังโอลิมปิก เกมส์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในช่วงกลางปี 2024  

นอกจากนี้ “บิ๊กหยิม” ยังคอยทำหน้าที่ประสานงานสิบทิศไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับสโมสรเพื่อขอตัวนักเตะตัวหลักๆ มาช่วยทีม หรือจะเป็นการควักเงินส่วนตัว หาสปอนเซอร์จากพรรคพวกมาสนับสนุนเงินอัดฉีดให้เป็นพลังเสริมในการลงสนามแข่งขันแต่ละนัด รวมถึงหาโรงแรมที่พักที่ใช้ในการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬา

เรียกได้ว่า “เป็นผู้ปิดทองหลังพระ” คงไม่ผิดนัก เพราะทุกอย่างที่ทำไม่ค่อยเป็นข่าว ส่วนใหญ้มีเพียงคนวงในไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบ


อย่างไรก็ตามเมื่อนายกสมาคมฯ หมดวาระ อุปนายกและสภากรรมการก็หมดวาระไปด้วย ทำให้สถานะของ “บิ๊กหยิม” กับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ต้องตกอยู่ในภาวะสูญญากาศ เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้ทำหน้าที่ดูแลทีมชุดนี้ต่อไปจนจบศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้ายที่กาตาร์หรือไม่ 

แน่นอนว่าทุกอย่างต้องอยู่ที่การตัดสินใจของ “มาดามแป้ง” ที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางของทีมชาติไทย ทุกชุด นั่นทำให้มีกระแสข่าวตามมาว่า มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จะเข้ามาช่วยดูภาพรวมของทีมในการลุ้นตั๋วไปลุยโอลิมปิก เกมส์ 

ทาง “บิ๊กหยิม” เองก็ทราบบทบาทของตัวเองดี แต่ยังหวังว่าจะได้รับโอกาสจาก “มาดามแป้ง” ให้สานงานทำภารกิจผู้อำนวยการทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ต่อไป จนจบการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้ายในเดือนพฤษภาคม เพราะถือว่าลงเรือลำเดียวกันตั้งแรกแล้วก็อยากจะทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น

ในห้วงเวลาอีกเดือนเศษที่ทีมชาติไทย จะมีโปรแกรมลงแข่งขัน 2 รายการ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย 2 นัด ในการดวลกับ เกาหลีใต้ 2 นัด เหย้า-เยือน ที่จะฟาดแข้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม 


แน่นอนว่า “อิชิอิ” คงต้องไปโฟกัสตรงนั้นอย่างเต็มที่ เพราะตอนนี้ทีมพลังโสมขาวเองฟอร์มไม่ดี โอกาสที่เราจะสร้างเซอร์ไพรส์หยิบแต้มเพื่อเพิ่มโอกาสเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายยังมีอยู่ หากกุนซือเลือดซามูไรต้องมาโฟกัสทีมอีกชุดอาจจะทำภารกิจสะดุดได้ 

เช่นเดียวกันกับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะเข้าแคมป์เก็บตัวในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ซึ่งตรงกับช่วงการเก็บตัวและแข่งขันของทีมชุดใหญ่ ซึ่งนัดแรกในศึกลูกหนังชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ไทย อยู่ร่วมสายกับ อิรัก, ซาอุดิอาระเบีย และ ทาจิกิสถาน นัดแรกจะประเดิมสนามดวล อิรัก วันที่ 16 เมษายนนี้

ในเรื่องของการดูแลทีมหาก “บิ๊กหยิม” ได้สานงานต่อคงเป็นเรื่องที่ดี เพราะคุ้นเคยกับนักเตะและ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร เฮดโค้ชอยู่แล้ว


แถมแผนงานต่างๆ ทั้งการเตรียมเข้าแคมป์ฝึกซ้อม รวมถึงการอุ่นเครื่องถูกเซ็ตไว้เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า “บิ๊กหยิม” เองก็ไม่ได้ทำอะไรขาดตกบกพร่อง 

หากสมาคมฯ ยุค “มาดามแป้ง” จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ การล้างไพ่หลังจบรายศึกลูกหนังชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คงจะเป็นห้วงเวลาที่เหมาะสมมากกว่า 

ส่วนทีมชาติไทยจะไปเวย์ไหนก็เริ่มวางโรดแมประยะยาวกันไป ใครจะทำหน้าที่กุนซือแต่ละชุดก็วางจิ๊กซอว์กันไป จะได้มีการประเมินผลงานกันถูกหากมีจุดบกพร่องระหว่างทาง 

แต่การล่าตั๋วโอลิมปิกเกมส์   “บิ๊กหยิม” และ “โค้ชหระ” สมควรที่จะได้ทำหน้าที่ต่อเนื่องไปจนจบทัวร์นาเมนต์

เพราะอะไรที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ควรจะไปเปลี่ยนแปลง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด