"โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งทำหน้าที่เดียวกันให้กับฟุตบอลจังหวัดชลบุรี เปิดเผยกับ TSPORT ว่าในปีนี้ทีมชาติไทยมีภารกิจแข่งขันทีมชาติหลายรายการในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นทีมชาติชุดใหญ่ที่ต้องลงเตะ 2 ศึกสำคัญคือ คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ระหว่างวันที่ 23-25 มี.ค. และเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ในช่วงเดือนพ.ย. ขณะที่ทีมชาติชุดยู-21 ก็ต้องทำศึก เอเชียนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 18 ส.ค.-2 ก.ย. ซึ่งก่อนหน้านั้นในช่วงเดือนมี.ค. จะมีคิวบุกไปเครื่องกับทีมชาติจีนชุดยู-21 และเข้าร่วมทัวร์นาเม้นต์รายการพิเศษระดับชาติในแถบอาเซียน ส่วนชุดยู-16 และ ยู-19 ก็มีภารกิจสำคัญในศึกชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้าย โดยยู-16 จะแข่งที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 20 ก.ย. - 7 ต.ค. ด้าน ยู-19 แข่งที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 18 ต.ค. - 4 พ.ย.

โดยแต่ละรายการเวลาแข่งขันคาบเกี่ยวกันกับฟุตบอลไทยลีกที่จะปิดฤดูกาลในวันที่ 6 ต.ค. ซึ่งปัญหาที่ต้องพบแน่นอนคือการเรียกตัวแข้งหลักที่บางสโมสรอาจไม่ให้ความร่วมมือโดยเฉพาะในศึก เอเชียนเกมส์ ที่ไม่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่า ดังนั้นสโมสรมีสิทธิ์ที่จะไม่ปล่อยนักเตะไปรับใช้ชาติก็ได้

ด้าน "โค้ชเฮง" ยืนยันว่าสำหรับสโมสร ชลบุรี เอฟซี ที่ตนเองดูแลนั้น จะปล่อยผู้เล่นไปรับใช้ทีมชาติทุกชุดแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นช่วงปฏิทินฟีฟ่าเดย์หรือไม่ เพราะมองว่าเกมระดับทีมชาติโดยเฉพาะรายการหลักๆ นั้นคววรให้ความสำคัญมากกว่าสโมสร อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากที่ทุกสโมสรจะให้ความร่วมมือซึ่งไม่สามารถไปบังคับได้ ซึ่งระหว่างการเตรียมทีมที่จะมีการเรียกนักเตะมารวมตัวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องนั้น คงได้เห็นความชัดเจนมากขึ้นว่าสโมสรต่างๆ จะยินยอมปล่อยนักเตะคนใดไปรับใช้ชาติบ้าง โดยจะเน้นย้ำให้กุนซือของทีมแต่ละชุดเรียกนักเตะไว้ในพูลทีมละ 50 คนก่อนทำการตัดตัวต่อไป