แผนการเล่น : 3-4-3

ประตู : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล

ในเกมที่ถูก "แข้งเทพ" พับสนามบุกใส่ทั้งเกมแม้จะโดนเจาะตาข่ายไป 2 ลูกแต่ต้องบอกว่าหาก สุพรรณบุรี ไม่มีนายประตูจอมเก๋ารายนี้เป็นด่านสุดท้าย "ช้างศึกยุทธหัตถี" คงไม่มีทางเก็บ 1 แต้มสำคัญในการไปเยือน แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้เลย เพราะนอกเหนือจาก 2 ประตูที่เสียไป "เจ้าตี๋" โชว์ฟอร์มเซฟลูกยากๆ ไปอีกมากกว่า 10 ครั้ง 

กองหลัง : เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว 

เล่นได้สมราคาเซนเตอร์ทีมชาติไทย และกัปตันทีม "สวาดแคท" แม้จะเสียประตูไปก่อน แต่ "กัปตันเหลิม" ยังคงยืดอกสั่งการแผงเกมรับของทีมได้อย่างเหนียวแน่น และถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ นครราชสีมา เปิดเกมรุกได้อย่างไม่ต้องพะวงจนคว้า 3 แต้มสำคัญเหนือ อุบล ยูเอ็มที มาครองได้

กองหลัง : อัดนาน โอราโฮวัช 

จะหวังอะไรจากผู้เล่นตำแหน่งกองหลังมากมายไปกว่าการรักษาคลีนชีท แต่ปราการหลังร่างยักษ์ชาวมอนเตเนโกร รายนี้ยังเติมขึ้นไปโหม่งทำประตูตอกย้ำชัยชนะให้ทีมได้อีกในช่วงครึ่งหลัง เกมป้องกันในนัดนี้ของ พีที ประจวบ แข็งแกร่งมากทั้งภาคพื้นดินและอากาศ ต้อมให้เครดิต อัดนาน ที่ประสานงานกับ ควอน แด-ฮี ได้อย่างลงตัวสุดๆ 

กองหลัง : พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา

ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทางกราบซ้ายเมืองทองทั้งเกมรับและรุก โดยมีโอกาสเติมเกมช่วยทีมสวยๆหลายหน พร้อมกับเป็นคนเปิดอย่างสุดเฉียบให้ ชาชา โหม่งเป็นประตูชัยให้ทีมคว้าสามคะแนน แม้จะมีเวลาอยู่ในสนามแค่ 70 นาทีก่อนมีอาการบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกไป

กองกลาง : สุภโชค สารชาติ

ทำเอาแฟน "ปราสาทสายฟ้า" ใจหายใจคว่ำไปตามๆ กัน เมื่อครึ่งแรกเกมของ ชัยนาท เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ 2 นาที 2 ประตู ในครึ่งหลังที่ "เจ้าเชค" ยิง 1 และถวายพานอีก 1 ลูกให้ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ยิงง่ายๆ คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เก็บ 3 แต้มออกจากถิ่นเขาพลองได้ พร้อมกับพิสูจน์ให้เห็นว่าฉายา "วันเดอร์คิด" ที่ได้มานั้นไม่ใช่การอวยกันเกินจริง

กองกลาง : จิตปัญญา ทิสุด

สองประูตูที่ "ต่อพิฆาต" ได้นั้นมาจากการสร้างสรรค์เกมของ จิตปัญญา ทั้งสิ้น ลูกแรกตักบอลแม่นอย่างกับจับวางให้ ลอนซาญ่า ดุมบูญ่า โหม่งทำประตู และลูกที่สองก็เป็นคนเปิดเตะมุมก่อนที่บอลจะทักไปเข้าหัวของ อัดนาน โอราโฮวัค ทั้งการบัญชาเกมรุกโดยเฉพาะการวางสวยๆ และการยิงไกลที่เป็นเครื่องหมายการค้าก็มีให้เห็นตลอด นับว่าเป็นการย้ายมาถูกที่แล้วที่ "เจ้าหน่อง" มีโอกาสโชว์ของให้ทีมได้มากขนาดนี้ 

กองกลาง : เซร์คิโอ ซัวเรซ

นัดนี้เหมาไป 2 ประตู กองกลางชาวสแปนิชแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่มากกว่าการสร้างสรรค์เกมหรือการจ่ายบอลที่แม่นยำ เราอาจจะเห็นภาพการทำประตูของเขามาบ้างในฤดูกาลก่อน แต่พอ การท่าเรือ เสริมขุมกำลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดเลยว่าทักษะการสอดขึ้นไปทำประตูของ ซัวเรซ คือของจริง และเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าการที่ทีมตัดสินใจเลือกเก็บเขาไว้ในโควตาต่างชาติคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

กองกลาง : สุมัญญา ปุริสาย 

กลายเป็นผู้เล่นที่ฮอตที่สุดในทีม "แข้งเทพ" เมื่อซัดฟรีคิกได้เป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน อีกทั้งมีโอกาสส่องประตูรวมถึงเปิดบอลเปลี่ยนแกนงามๆ ได้อีกหลายครั้ง เสียอย่างเดียวที่เกมนี้ผู้เล่นของ แบงค็อก ยูไนเต็ด เอาชนะความเหนียวหนึบของ สินทวีชัย นายด่านสุพรรณได้เพียง 2 ครั้ง แต่สำหรับ สุมัญญา นี่อาจจะเป็นใบเบิกทางให้เขากลับไปติดทีมชาติไทยอีกครั้งก็เป็นได้

กองหน้า : เนลสัน โบนีญ่า

3 นัดซัด 5 ประตู เกมล่าสุดเหมาคนเดียว 2 ประตูจาก 1 จุดโทษและอีก 1 ลูกโหม่งที่เฉียบขาด นอกจากยิงได้แล้วยังปั่นป่วนแนวรับของ ชลบุรี ตลอดทั้งเกม พา สุโขทัย คว้าชัย 3 แมตช์รวดชนิดหักปากกาเซียน ถือเป็นกองหน้าที่ฟอร์มฮอตที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ในไทยลีก สิ่งเดียวที่น่าเป็นห่วงก็คือ สุโขทัย จะรักษาหัวหอกทีมชาติเอลซัลวาดอร์ไว้กับทีมได้นานสักแค่ไหน

กองหน้า :  อ่อง ตู

รับตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์เป็นครั้งแรกในการค้าแข้งไทยลีก นัดนี้ อ่อง ตู โดนไล่เตะไล่อัดตลอดทั้งเกมแต่ก็ไม่มีฝ่อ ประตูที่ โปลิศ เทโร ทำได้ก็เป็นดาวเตะเมียนมา ที่หลุดผ่าน อาทิตย์ ดาวสว่าง เข้าไปก่อนแอสซิสต์ให้ มาร์กอส วินิซิอุส ยิงประตูแบ่งแต้มแรกของฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ นี่คือเกมที่แสงสปอตไลต์ต้องส่องไปที่ อ่อง ตู ซึ่งเจิดจรัสเหนือใครในสนามจริงๆ 

กองหน้า : เปาโล รานเจล

โชว์ลีลาวูบวาบตลอดทั้งเกม ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างเนียนตา ทั้งสร้างจังหวะให้เพื่อนและหาโอกาสจบสกอร์เอง นัดล่าสุดเรียกฟาวล์เอาจุดโทษและรับหน้าที่ยิงเอง รวมถึงเปิดอีก 1 แอสซิสต์ ให้ อันโตนิโอ พีนา เพื่อนร่วมชาติทำสกอร์ให้ "สวาดแคท" เอาชนะ อุบล ยูเอ็มที ไปอย่างเด็ดขาด 3-1