ยูเครน เป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0 ในนาที 13 มิไคโล มูดริค ปีกจาก เชลซี ได้บอลทางซ้ายก่อนโยกหนีกองหลังจนถึงสุดเส้นแล้วเปิดหักไปบริเวณจุดโทษ อาร์เต็ม บอนดาเรนโก้ วิ่งมาแปเน้นๆ ตุงตาข่าย

ทว่าสเปนก็ตามตีเสมอ 1-1 ได้เร็วในอีก 4 นาทีถัดมาจากความสามารถเฉพาะตัวของ อาเบล รูอีซ ที่วิ่งเข้าเขตโทษไปรับบอลยาวจาก บิคตอร์ โกเมซ ก่อนเบียดชนะกองหลัง รวมถึงแตะบอลหนีผู้รักษาประตูก่อนหาช่องซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสุดยอด

ทัพกระทิงดุเป็นฝ่ายพลิกนำในนาที 24 ออยอาน ซานเซ็ต ได้บอลทะลักเข้าทางตรงหัวกะโหลกก่อนกดเต็มหลังเท้าส่งบอลเข้าประตูอย่างเด็ดขาด

ท้ายครึ่งแรก ยูเครน เกือบตีเสมอได้ มูดริค สร้างโอกาสให้เพื่อน ดานีโล ซีคาน ได้ยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่ว่าไม่ผ่านมือ อาร์เนา เตนาส ทำให้จบ 45 นาทีแรก สเปนนำ 2-1

ครึ่งหลังนาที 54 สเปน ขยับหนีเป็น 3-1 อาเบล รูอีซ ไขว้บอลให้เพื่อนไปติดกองหลังยูเครนที่เคลียร์บอลประมาท อันโตนิโอ บลังโก้ จึงฉกได้ก่อนกดด้วยขวาแล้วยิงจากระยะ 18 หลาผ่านมือนายทวารเข้าไป 

ยูเครน เกือบได้ประตูสุดๆ ในนาที 57 จากจังหวะยิงไกลหน้าเขตโทษของ อาร์เต็ม บอนดาเรนโก้ ที่ปั่นด้วยซ้ายเน้นๆ ทว่าติดปลายนิ้ว อาร์เนา เตนาส ก่อนบอลชนเสาอย่างจัง

จากนั้นเป็น สเปน ที่หนีเป็น 4-1 ในนาที 68 อันเดร์ บาร์เรเน็ตเชีย จ่ายบอลจากฝั่งซ้ายให้ ไอมาร์ โอรอซ ปั่นจากเส้นเขตโทษส่งบอลเข้าเสาไกลอย่างสวยงาม 

  นาที 78 สกอร์ขยับเป็น 5-1 จากการเล่นโต้กลับอันเฉียบขาด อาเบล รูอีซ หลุดขึ้นทางซ้ายก่อนจ่ายทะแยงเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ เซร์คิโอ โกเมซ จับแล้วปั่นด้วยซ้ายเข้าเสาอย่างแม่นยำ 

สเปน เกือบได้ลูกที่หกเมื่อ บิคตอร์ โกเมซ ไหลบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ อันเดร์ บาร์เรเน็ตเชีย วิ่งตามไปยิงจ่อๆ ทว่าบอลชนเสาน่าเสียดาย 

จากนั้นจบเกมเป็น สเปน ที่ไล่ถล่ม ยูเครน 5-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศพบ อังกฤษ ที่ชนะ อิสราเอล 3-0 ในรอบตัดเชือกอีกคู่ ในวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคมนี้