วินิซิอุส จูเนียร์ แนวรุกทีมชาติสเปนของ เรอัล มาดริด เปิดเผยว่าเขาไม่คิดจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หรือทำให้ สเปน กลายเป็นประเทศที่ปราศจากการเหยียดเชื้อชาติเหมือนที่เขาเผชิญในเกมกับ บาเลนเซีย ฤดูกาลที่แล้ว จากการเปิดเผยกับเลกิ๊ปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 

วินิซิอุส ย้ายจาก ฟลาเมงโก้ มาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เขาต้องรับมือกับการเหยียดเชื้อชาติจากแฟนบอลชาวสเปนบางส่วนมาตลอด จนกระทั่งเผชิญกับความรุนแรงมากสุดในเกมเยือน บาเลนเซีย เมื่อฤดูกาลที่แล้วจนเจ้าตัวตบะแตกโต้ตอบและมีปัญหากับนักเตะทีมค้างคาวจนถูกไล่ออกจากสนาม ก่อนโทษใบแดงจากเกมนั้นจะถูกยกเลิกในภายหลัง

'เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นใน บเลนเซีย ในแมตช์เดย์ที่ 35 แต่ในเกมเยือนทั้งหมดที่เล่นก่อนหน้านั้น มีการเหยียดเชื้อชาติอยู่บ้าง แต่พวกเขาไม่เคยทำอะไรเลย ผมได้พูดคุยกับ ลา ลีกา แล้วเพื่อบอกว่าสิ่งนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาไม่ฟังผม พวกเขาฟังผมตั้งแต่วินาทีแรกที่คนทั้งโลกเริ่มพูดถึง สเปน' 

'นั่นทำให้พวกเขาโต้ตอบ โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้ว่าผมจะไม่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ผมจะไม่ทำให้สเปนเป็นประเทศที่ปราศจากการเหยียดเชื้อชาติ หรือทั้งโลก แต่ผมรู้ว่าผมสามารถเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ เพื่อไม่ให้ผู้ที่มาในปีหน้าผ่านเรื่องนี้ เพื่อให้ลูกหลานได้มีความสงบสุขในอนาคต สำหรับพวกเขา ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้'

'ในบาเลนเซีย ผู้คนในสนามต่างตะโกนด่านักเตะแล้วเกมต่อไปพวกเขาสามารถเล่นได้ตามปกติ? กับแฟนบอลของพวกเขา ไม่มีการตัดแต้ม, ไม่ถูกลงโทษ? การเปลี่ยนแปลงจะมาจากที่นั่น ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้พวกเหยียดเชื้อชาติเกรงกลัวที่จะพูดสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อผม แต่ยังรวมถึงชีวิตของพวกเขาเองด้วย ผู้คนจะต้องเข้าใจ' วินิซิอุส กล่าว 

อย่างไรก็ตามแนวรุกวัย 23 ปียืนยันว่าเขายังมีความสุขมากที่มาดริด แต่ยอมรับว่าสักวันหนึ่งเขาจะหวนคืน ฟลาเมงโก้ สโมสรแรกในอาชีพอีกครั้ง

'ผมคิดว่าผมสามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดอาชีพค้าแข้ง แต่สโมสรตลอดชีวิตของผมคือ ฟลาเมงโก้ ผมสัญญากับคุณพ่อว่าสักวันหนึ่งผมจะกลับมา ผมต้องทำตามสัญญานี้'