เรอัล มาดริด ที่ชนะรวด 2 นัดแรกส่ง จูด เบลลิงแฮม เล่นเกมรุกร่วมกับ โรดรีโก้ โกเอส และ วินิซิอุส จูเนียร์ ส่วนเจ้าถิ่น บราก้า มีอยู่ 3 คะแนน

เรอัล มาดริด ได้ประตู 1-0 ตั้งแต่ 16 นาทีแรกจากความสามารถของ วินิซิอุส ที่โชว์สเต็ปจนได้เปิดจากซ้ายเข้ากลางให้ โรดรีโก้ แปจ่อๆ มาเธอุส ลีม่า นายทวารเจ้าถิ่นแต่บอลก็เข้าประตูอยู่ดี

นาที 34 เรอัล มาดริด พลาดได้ประตูเพิ่มน่าเสียดายเมื่อ วินิซิอุส ไหลให้ โรดรีโก้ แปตุงตาข่ายได้ แต่ว่าล้ำหน้า

ครึ่งหลังนาที 60 เรอัล มาดริด มีโอกาสจากเตะมุมที่ ดาเนียล การ์บาฆาล ลอยมาโขกเสาแรก แต่บิดศีรษะไม่มากพอทำให้บอลถากเสาออกหลังไป

แต่นาทีถัดมา ทัพราชันก็ได้ประตูนำ 2-0 จนได้เมื่อ วินิซิอุส ได้บอลฝั่งซ้ายก่อนไหลให้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม จับแล้วยิงตรงเส้นเขตโทษส่งบอลเบียดเสาไกลอย่างแม่นยำ

เจ้าถิ่นไม่ถอดใจสามารถไล่มาเป็น 2-1 ในอีกนาทีเศษ ซีมง บ็องซ่า ได้บอลในเขตโทษก่อนสะกิดต่อให้ อัลบาโร่ ฆาโล่ จับหนึ่งจังหวะแล้วยิงยัดเสาแรกเข้าไป

บราก้า น่าจะตีเสมอได้ในนาที 71 โรดรีโก้ ซาลาซาร์ จ่ายบอลให้ ริคาร์โด้ ฮอร์ต้า จับแล้วยิงในเขตโทษ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า เซฟไม่อยู่ ก่อนบอลทะลักไปชนเสาเหลี่ยมนอกออกหลังไปหวุดหวิด 

เรอัล มาดริด ส่งบอลตุงตาข่ายได้จากจังหวะที่ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ตักบอลจากแดนตัวเองให้ วินิซิอุส หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนโยกแล้วยิงเข้าไป ทว่าถูกจับล้ำหน้าจึงไม่ได้ประตูที่สาม

จากนั้นจบเกม เรอัล มาดริด บุกชนะ บราก้า หวุดหวิด 2-1 แต่ก็เป็นชัยชนะที่ทำให้เก็บ 9 คะแนนเต็ม รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม 

ส่วนผลอีกคู่ นาโปลี บุกชนะ อูนิโอน เบอร์ลิน 1-0 จากประตูชัยในนาที 65 ของ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ที่ตวัดด้วยซ้ายจ่อๆ เข้าไปหลังจาก ควีช่า ควารัตส์เคเลีย ลุยจนถึงสุดเส้นฝั่งซ้ายแล้วจ่ายถวายพานให้ยิง ทำให้ นาโปลี มี 6 คะแนนจาก 3 นัดแรก อยู่อันดับ 3 ตามด้วย บราก้า และ อูนิโอน เบอร์ลิน