:::     :::

อีกก้าวเดียว

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม 2562 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
2,483
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลุ้นกันใจหายใจคว่ำเหมือนกันสำหรับ เชลซี กว่าจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยอย่างคาราบาว คัพ ไปได้

         สกอร์ 2-1 เหนือ สเปอร์ส ถือว่าโชคดีที่รายการนี้ไม่มีการนับอเวย์โกล ไม่งั้น "สิงห์บลูส์" คงไม่ได้เฮฮากันอย่างนี้แน่

         ชัดเจนว่าเกมในค่ำคืนของรอบรองชนะเลิศนัดที่สอง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามครบครันเพราะต้องการที่จะผ่านเข้าไปชิงแชมป์ที่เวมบลีย์ให้ได้

         เกปา อาร์รีซาบาลาก้า, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดาวิด ลุยซ์, มาร์กอส อลอนโซ่, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คือตัวหลักที่ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนแดนกลางอีกคนเกมนี้ปรับมาใช้ รอสส์ บาร์คลี่ย์

         ส่วนแนวรุกมีการส่ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ขยับ เอแด็น อาซาร์ ไปยืนทางซ้ายข้างถนัด ส่วนอีกฝั่งเป็น เปโดร โรดริเกซ


         ต้องยอมรับว่านี่เป็นเกมที่พลพรรค "สิงห์บลูส์" ทำผลงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว โดยเฉพาะการขึ้นเกมรุกที่ไหลลื่นเหมือนอย่างที่เคยเห็นมาในช่วงต้นซีซั่น

         โดยเฉพาะทาง อาซาร์ ที่เล่นงาน แซร์ช โอริเย่ร์ ได้ตลอดทั้งเกมจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นเลย

         เพียงแต่จังหวะจบสกอร์ของทีมไม่เด็ดขาดเท่าที่ควร ไม่อย่างนั้นควรจะปิดเกมได้ตั้งแต่ 90 นาทีไปแล้ว

         จากโอกาสส่องประตูที่มีมากถึง 15 หนในเกมนี้ แปรเปลี่ยนเป็นการเข้ากรอบ 7 ครั้ง นำมาซึ่งสองประตูของทีม ในขณะที่ทางฝั่ง สเปอร์ส ที่ได้โอกาสส่องเข้ากรอบครั้งเดียวจากลูกโหม่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ของ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ทำเอาแฟนสิงห์เหงื่อตกลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้


         จริงอยู่ด้วยรูปเกมแล้ว เชลซี ครองเกมบุกเข้าใส่เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่เหมือนจังหวะสุดท้ายมันยังไม่ค่อยลงล็อค เหมือนอย่างที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ บอกเอาไว้ว่ากว่าจะยิงได้แต่ละประตูต้องบอกว่ายากเย็นจริงๆ

         ประตูแรกของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็ถือว่ามีโชคนิดๆที่ยิงจากนอกกรอบในจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุม บอลพุ่งลอดขา มุสซ่า ซิสโซโก้ จนทำให้ เปาโล กาซซานิก้า เสียจังหวะแม้บอลจะไม่ห่างตัวนักกลายเป็นประตูให้เจ้าถิ่นขึ้นนำ 

         ส่วนประตูที่สองเป็นการประสานงานที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วที่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เติมมาทางขวาแล้วปาดมาให้ เอแด็น อาซาร์ แหย่ด้วยซ้ายบอลเข้าประตูไป

         ชัดเจนว่าเกมรับของ "ไก่เดือยทอง" ในนัดนี้มีปัญหาเยอะทีเดียวกับการจับแนวรุกของเจ้าถิ่น โดยเฉพาะทางริมเส้นที่ขึ้นมาทีไรได้เสียวอยู่ตลอด


         เกมที่เหนือกว่ากับสองประตูที่นำในครึ่งแรกกลับมาต้องมาลุ้นจนถึงนาทีสุดท้ายเมื่อโดนไล่มาเป็น 1-2 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ก็อย่างที่บอกว่าจากรูปเกมที่เหนือกว่า จังหวะเข้าทำที่ได้ลุ้นอยู่ตลอด แต่ที่ผ่านมาก็คงเคยเห็นแล้วว่าบุกหนักแต่ยิงไม่ได้สุดท้ายโดนโป้งเดียวร่วงก็มี นั่นทำให้แฟนฝั่งสีน้ำเงินยังหายใจไม่ทั่วท้อง

         จนสุดท้ายหมดเวลาที่ต้องไปลุ้นจนถึงการดวลเป้าก็ถือว่าโอกาสเท่ากันแล้ว เพียงแต่สุดท้ายแข้งเชลซีที่รับหน้าที่สังหารไล่ตั้งแต่ วิลเลี่ยน, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่ และ ดาวิด ลุยซ์ ต้องบอกว่าเยือกเย็นกันทั้งสิ้น จนพาทีมกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

         แต่งานนี้ก็คงต้องยอมรับว่าการที่ สเปอร์ส มีปัญหานักเตะแกนหลักบาดเจ็บเกือบครึ่งทีม โดยเฉพาะบรรดาตัวหลักอย่าง แฮร์รี่ เคน กับ เดเล่ อัลลี่ ขณะที่ ซน ฮึง-มิน ไปรับใช้ทีมชาติเกาหลีใต้ในเอเชี่ยน คัพ รวมถึงให้ เปาโล กาซซานิก้า เฝ้าเสาด้วย ทำให้ประสิทธิภาพลดลงไปพอสมควรเลย


         เพราะอันที่จริงแล้วจังหวะขึ้นเกมรุกของ สเปอร์ส ก็วูบวาบอันตรายเหมือนกัน เพียงแต่จังหวะสุดท้ายถ้าไม่จ่ายเสียก็ยิงพลาดกันไปเองเท่านั้น

         เอาเป็นว่าท้ายที่สุดแล้ว เชลซี ก็คว้าตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยจะเข้าไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พวกเขาเพิ่งเอาชนะมาได้ในการเจอกันหนล่าสุดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

         และก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่การมาของ กอนซาโล่ อีกวาอิน เป็นตัวนำโชคให้ทีมเอาชนะและเข้าชิงแชมป์ได้สำเร็จ

         อีกราวหนึ่งเดือนเศษก่อนจะถึงเกมชิงถ้วย เชลซี มีโปรแกรมที่จะต้องบุกไปเยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม ในเกมพรีเมียร์ลีกในช่วงก่อนวันวาเลนไทน์ ก็ถือเป็นเกมชิมลางไปก่อนที่จะฟาดฟันกันแมตช์ชิงดำ


         แต่ก่อนเกมนั้น "สิงห์บลูส์" ก็ยังมีโปรแกรมยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมกับ มัลโม่ ทั้งสองเกม ยังดีที่เกมเลกสองในสัปดาห์ชิงแชมป์คาราบาว ลีก คัพยังได้เล่นในบ้าน

         ในระหว่างนั้นแฟนบอลก็ได้แต่ภาวนาให้นักเตะในทีมอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สุดขีด รวมถึงนักเตะอยู่ในฟอร์มที่ดีก่อนจะถึงเกมสำคัญ

         ด้านดาวยิงตัวใหม่อย่าง กอนซาโล่ อีกวาอิน ที่เข้ามาชมในเกมนี้พร้อมทั้งแสดงอาการสะใจสุดๆที่ทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศ และคาดกันว่าหากไม่ได้เจ็บเจ้าตัวจะมีชื่ออยู่ในทีมในเกมที่เวมบลีย์อย่างแน่นอน


         กับคนที่เชียร์สิงโตแห่งกรุุงลอนดอนแน่นอนว่ามาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องตั้งเป้ากันหน่อยว่าทีมจะหยิบแชมป์แรกของปีนี้ แชมป์แรกภายใต้การคุมทีมของเทรนเนอร์คนใหม่มาครองให้ได้ เหมือนสมัยที่ทีมก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่คว้าแชมป์ลีก คัพเป็นประเดิม

         รอติดตามกันวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด