:::     :::

วิลเชียร์ "ผมกำลังกลับมา"

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ สนามเด็กเล่น โดย เสือเตี้ย
1,450
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในสายตาของแฟนบอลหลายคน แจ็ค วิลเชียร์ คือนักเตะกระดูกเปราะที่ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานซ้ำซาก แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเขาต้องเผชิญกับปัญหาอย่างอื่นที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่า

วิลเชียร์ สารภาพว่าเคยคิดที่จะแขวนสตั๊ดตอนลูกชายป่วยหนักจนไม่มีกะจิตกะใจที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง

"อาร์ชี่" ลูกชายสุดที่รักโชคร้ายป่วยหนักจากการเป็นลมชักบ่อยครั้งในตอนกลางคืนจนทำให้วิลเชียร์และภรรยาแทบไม่ได้นอน ในตอนนั้น วิลเชียร์ ไม่สนใจเรื่องฟุตบอลเลยก็ว่าได้

"ผมมีอาการบาดเจ็บหลายอย่างไม่เหมือนกันและแต่ละอย่างก็กระทบต่อสภาพจิตใจต่างกันไป"

"ผมเอาแต่นึกถึงอาการบาดเจ็บและมันก็วนเวียนอยู่ในหัวตลอด ในปี 2016 หรืออาจจะ 2015 นี่แหละ ผมบาดเจ็บระหว่างซ้อม มันทำใจได้ยากนะเพราะผมกำลังเรียกความฟิตกลับมาลงสนามอย่างที่ต้องการและทันใดนั้น ลูกชายวัย 4 ขวบของผมก็มีอาการชักลงไปนอนบนพื้น"

"มันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกวันเลยตลอด 3-4 เดือน และบ่อยครั้งที่เราต้องวิ่งวุ่นไปโรงพยาบาลในกลางดึก"


ครอบครัววิลเชียร์

"ผมและภรรยาต้องนั่งเฝ้าลูกชายเกือบทั้งคืนเพราะอาการชักมักเกิดขึ้นในตอนกลางคืน เราพาเขาเข้านอนแต่เราแทบไม่ได้นอนเพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำให้ต้องเฝ้าดูอยู่ตลอด"

"ผมอยากลืมเรื่องฟุตบอลไปเลย ผมยังจำตอนพูดกับภรรยาได้ว่า 'ผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถสู้ต่อได้อีกไหม"

แจ็ค วิลเชียร์ อยู่กับอาร์เซน่อลมาเกือบทั้งชีวิต เขาเข้าร่วมทีมเยาวชนปืนใหญ่ตั้งแต่อายุ 9 ขวบก่อนก้าวขึ้นชุดใหญ่วัยเพียง 16 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่มีพรสรรค์ที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษและของโลกเลยก็ว่าได้

ทว่าอาการบาดเจ็บเริ่มเล่นงานวิลเชียร์ เขาต้องรับมือทั้งการดูแลครอบครัวและรักษาอาการบาดเจ็บตัวเอง เช่นเดียวกับแบกความฝันของคนในชาติเอาไว้บนบ่นในฐานะดาวรุ่งความหวังใหม่

"มันได้เข้าใจว่าฟุตบอลไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง" วิลเชียร์ กล่าวถึงอาการป่วยของลูกชาย "น้อยคนนักจะรู้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมยกย่อง อาร์แซน เวนเกอร์ อย่างมากเพราะเขาสุดยอดจริงๆ เขาบอกกับผมว่า 'ฟังนะ ไปจัดการเรื่องลูกชายให้เรียบร้อยไม่ว่านานเท่าไหร่ก็เถอะ"


เคยเป็นความหวังของอังกฤษอยู่ช่วงหนึ่ง

"นั่นทำให้ผมใช้เวลานานไปด้วยในการรักษาอาการบาดเจ็บ คนอื่นไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้ ตอนคุณเจ็บพวกเขาก็เพียงพูดว่า 'ก็เจ็บอยู่ตลอดแหละ หมอนี่เจ็บเรื้อรัง ไม่เคยจะฟิตเหมือนคนอื่นหรอก' พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น"

"ในช่วง 4-5 เดือนแรกของการฟื้นฟูร่างกาย ผมไม่ต้องการทำเลยด้วยซ้ำ ผมต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่ตลอด ผมไม่ได้นอนกับลูกชาย พูดตามตรงนะ ผมไม่ได้ได้สนใจเลยจริงๆ (เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บตัวเอง) เพราะสิ่งที่ผมสนใจทั้งหมดคือลูก มันเหมือนกับว่าผมตัดขาดจากโลกภายนอก"

"มันทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองในชีวิตและสิ่งต่างๆ เพราะว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็จริงอยู่ที่ว่าผมเป็นนักฟุตบอลซึ่งเป็นสิ่งยอดเยี่ยม แต่ครอบครัวก็มาก่อนเสมอ"

อาการบาดเจ็บของวิลเชียร์ในช่วงที่ลูกชายป่วยหนักด้วยคือ กระดูกน่องแตกซึ่งเกิดขึ้นระหว่างฝึกซ้อมในเดือนสิงหาคม ปี 2016 และทำให้เขาต้องพักจนถึงเดือนเมษายนของปีถัดมา


เจ็บแล้วเจ็บอีกตอนอยู่อาร์เซน่อล

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการเดี้ยงครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ แจ็ค วิลเชียร์ ต้องจบอาชีพค้าแข้งกับอาร์เซน่อล เขาย้ายร่วมทีมเวสต์แฮมแบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์ 2018 แต่ก็มีช่วงหายหน้าไปอีก 4 เดือนเพราะเจ็บข้อเท้า

อย่างไรก็ตาม วิลเชียร์ ในวัย 27 ปีตอนนี้ยืนยันว่ามุ่งมั่นในการกลับมาฟิตสมบูรณ์เต็มที่ให้ทันฤดูกาลหน้า

"ต้องขอบคุณเลยเพราะลูกชายของผมหายดีแล้ว ขอบคุณคุณหมอและแพทย์เฉพาะทางที่คอยดูแล ลูกผมคอยถามอยู่ตลอดว่า 'พ่อครับ เมื่อไหร่พ่อจะกลับมาเล่นฟุตบอลอีก?' ดังนั้น ผมจจะกลับมาเพื่อเขาและเพื่อลูกสาวด้วย เธอก็ชอบเช่นกัน ลูกสาวตัวเล็กผมยังไม่เคยเห็นผมเล่นฟุตบอล ผมจึงต้องกลับมาลงเล่นเพื่อเธอเช่นกัน"

"ผมต้องการเล่นฟุตบอลให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมรักฟุตบอลจริงๆ มันคือชีวิตของผม คือชีวิตของลูกๆ ผมด้วย และก็เป็นชีวิตของครอบครัวผม เราคือครอบครัวฟุตบอล เป้าหมายของผมคือกลับสู่ทีมและคว้าชัยชนะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือสิ่งที่ผมโฟกัสได้อย่างเต็มที่ในตอนนี้"


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด