แม้สถานะยังจมอยู่ในเรดโซน ทว่าช่องว่างระยะห่างกับกลุ่มทีมที่อยู่เหนือกว่าพวกเขา ไม่ได้ห่างกันจนเกินก้าวข้ามนัก

ชนะ 2 เสมอ 3 ในแบบที่บุกไปเก็บคะแนนจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี ถึงถิ่น พร้อมถูกเจาะไข่แดงเพียง 1 ประตู (จากจุดโทษ) ผลงานเหล่านี้เริ่มเรียก “รอยยิ้ม” และศรัทธาชาวสุพรรณบุรี ให้กลับมาอีกครั้ง

ว่ากันว่าสูตรสำเร็จของ “ช้างศึกยุทธหัตถี” หนนี้เกิดจากการเปลี่ยนผ่านใน 2 เรื่อง

 

1. การขันแนวรับใหม่

จากสถิติเมื่อฤดูกาล 2018 สุพรรณบุรี มีเกมรับที่ดีมาก พวกเขาเสียประตูไปเพียง 35 ลูก จากทั้งฤดูกาล น้อยเป็นอัน 2 ของลีกรองจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่มาซีซั่นนี้ เพียงเลกแรกอย่างเดียวทีมเสียไปถึง 24 ตุงแล้ว

ผลงานจากการ “ยืนระยะ” ได้ไม่เท่าเดิม รวมถึงความมั่นใจ และแข้งหลักอย่าง สุพรรณ ทองสงค์ ที่บาดเจ็บ ส่งให้ สุพรรณ ไม่สามารถรักษาวันดีดีเหมือนเก่าไว้ได้

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านกลับมาใช้กุนซือใหม่หน้าเก่าอย่าง อเดบาโย ที่รู้จักทุกซอกมุมของบ้านดี อาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของบอร์ดบริหาร

อเดบาโย เป็นโค้ชที่ถนัดเกมรับอยู่แล้ว และการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกเมื่อได้รับโอกาสคือการ “เปลี่ยน” แนวรับใหม่

สุพรรณบุรี เซ็นสัญญา 2 นักเตะต่างชาติอย่าง อัลบาโร ซิลบา (ฟิลิปปินส์) และ มิกิ เซโรชตาน (อิสราเอล) เข้ามายืนคุมตำแหน่งปราการหลังตัวกลางทันที

อาจเรียกว่าโชคดีก็คงได้ เพราะทั้งสองคนสามารถปรับตัวกับฟุตบอลไทยได้ค่อนข้างไว และแก้ปัญหาหลังบ้าน สุพรรณบุรี ได้อย่างทันควัน

คนหนึ่งทางบอลดี เก๋าเกม เด่นบอลกลางอากาศ เรียกว่าเกมรับทีมในชั่วโมงนี้ ถือว่าน่าอุ่นใจในระดับหนึ่ง

 

2. การปล่อย โจนาธาน เฮส

ตัวเลขสถิติในฤดูกาลนี้ตอบได้หมดจด ถึงเกมรับทีมจะอาการดีขึ้น แต่เกมรุกที่เป็นปัจจัยสำคัญยังอยู่ในขั้น “โคม่า”

ถึงปัจจุบัน สุพรรณบุรี ทำไปเพียง 15 ประตูในปีนี้ ซึ่น้อยสุดสำหรับบรรดาทุกทีมในไทยลีกทำให้ผู้เขียนถึงมองว่าการปล่อย โจนาธาน เฮส คือ “ตัวเลือก” ที่ถูกต้อง   

เฮส ยังเป็นสไตล์บอลเลี้ยงเหมือนเดิม เหมือนสมัยที่เล่นกับ พีที ประจวบ อาศัยความสามารถเฉพาะตัว มากกว่าระบบทีม

แต่แนวรับในไทยลีกเริ่ม “จับทาง” เขาได้แล้ว

หากใครชม สุพรรณบุรี ในฤดูกาลนี้จะเห็นว่า พี่แกยังไม่เปลี่ยนทรงบอล เล่นบอลชายเดี่ยว ไม่ส่งให้ใคร จังหวะที่ควรเล่นกับเพื่อนก็ไม่ให้ จนวิงแบ็กซ้าย-ขวา ตีรถเปล่าตลอด

เรียกว่าบอลมาเสียที่เขาเยอะมาก บ่อยหนเพื่อนร่วมทีมออกอาการไม่พอใจใส่

จากรองดาวซัลโวไทยลีกปีก่อน (26 ประตู) จนมาถึงปีนี้ ก่อนแยกทางกับ สุพรรณบุรี เฮสทำให้ทีมไปเพียง 4 ประตูเท่านั้น ความหวังหลักยังคงอยู่ที่ เคลคัน ซิลวา ตามเดิม

ก็ไม่รู้ว่าการปล่อย โจนธาน เฮส ไป แล้วได้อดีตนักเตะทีมอย่าง  กิลแยร์เม เดลลาตอร์เร กลับมาผนึกกำลังคู่ เคลตัน อีกครั้งจะทำให้ทีมมีเกมรุกที่เกรี้ยวกราดขึ้นหรือไม่

แต่อย่างน้อยเชื่อว่าสิ่งที่ดีขึ้นคือ “ระบบทีมเวิร์ก” ตอนไม่มี โจนาธาน เฮส ทุกคนช่วยกันเล่นมากขึ้นกว่าเดิม

เกมรับทีมที่เริ่มขันน๊อตแน่นและลงตัวในระดับหนึ่งแล้ว แต่เกมรุกยังมีปัญหาที่ต้องแก้

กับเวลา 10 นัดที่เหลือ หากสโมสร “เกาถูกที่คัน” ได้ถูกจุดเหมือนเกมรับ เชื่อว่าพวกเขาสามารถ “หนีตาย” ได้อย่างสบาย

แม้เวลานี้จะจมปรักอยู่รองบ๊วยก็ตาม

Photo : FB Suphanburi FC