ด้วยตัวเลขสถิตินี้ตามหลังเพียงแค่ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ทำได้ 11 ประตูเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่บอกว่าฟอร์มเยี่ยมจะให้พูดอะไรอีกล่ะ

แข้งวัย 22 ปียกระดับจากนักเตะแชมเปี้ยนชิพ ขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของแข้งพรีเมียร์ลีกได้อย่างไม่อายใคร และจากประตูของเขานี่แหละทำให้ เชลซี ไปได้สวยทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

และหลังจากยังลังเลว่าจะเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ หรือ ไนจีเรีย ในที่สุด แทมมี่ อบราฮัม ก็เลือกที่จะรับใช้ทัพ "สิงโตคำราม"

หลังเคยได้ชิมลางในเกมอุ่นเครื่องย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 กับ เยอรมัน และ บราซิล ในที่สุดก็ถือเวลาประเดิมสนามในเกมอย่างเป็นทางการกับ สาธารณรัฐเช็ก แม้จะเป็นการลงสนามในช่วงท้ายเกมแล้วก็ตาม

กระทั่งเกมล่าสุดที่ทัพ "ทรี ไลออนส์" เปิดรังถล่ม มอนเตเนโกร 7-0 เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวได้ลงเล่นเป็นสำรองแต่ในครั้งนี้มีเวลามากขึ้นจากลงเล่นในนาทีที่ 88 ในเกมกับ เช็ก มาลงเล่นตั้งแต่นาที 57

ที่สำคัญคือเจ้าตัวพังตาข่ายในนามทีมชาติได้ด้วย ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจอย่างเต็มที่เลย

เกมกับ โคโซโว วันอาทิตย์นี้อาจจะมีลุ้นลงเป็นตัวจริงเหมือนกัน และแม้ว่าจะเพิ่งมาช่วยทีม แต่มีลุ้นเหมือนกันว่าชื่อของ แทมมี่ อบราฮัม จะติดทีมลุยรอบสุดท้ายในกลางปีนี้กับเขาด้วย

กับปัจจุบันในแนวรุกตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า นอกจาก แฮร์รี่ เคน แล้วก็มี คัลลั่ม วิลสัน ซึ่งภาษีในตอนนี้ต้องบอกว่า แทมมี่ ดูดีกว่า

เพราะนอกจาก 11 ประตูรวมทุกรายการในปีนี้ แทมมี่ ยังมีแอสซิสต์อีก 3 หน ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นกองหน้าตัวเป้าอย่างเดียว แต่ยังฉีกไปเล่นด้านข้างได้อีกด้วยเพราะมีความเร็วอยู่

ด้วยฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ สตาร์จาก "สิงห์บลูส์" ดูจะมีประโยชน์ในแนวรุกของทีมเป็นอย่างดี ไม่ใช่กองหน้าที่จะคอยรอเพื่อนปั้นอย่างเดียว แต่เขาก็ยังสร้างดึงตัวประกบออกจากเขตโทษ เปิดพื้นที่ให้เพื่อนด้วย

เมื่อวัดจากการทำงานของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ตั้งแต่ช่วงฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่านายใหญ่ทัพสิงโตคำรามจะมีการใช้นักเตะพลังหนุ่ม ซึ่งเป็นสายเลือดใหม่ในการทำศึกทัวร์นาเม้นใหญ่ 

และในยูโร 2020 นี่แน่นอนว่าทีมต้องการต่อยอดความสำเร็จจากฟุตบอลโลก 2018 ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และอยากจะไปให้ไกลถึงตำแหน่งแชมป์เลย

การไปถึงจุดนั้นต้องมีนักเตะที่พร้อมจริงๆทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ซึ่งในรายของ คัลลั่ม วิลสัน เพิ่งหายเจ็บกลับมาต้องดูว่าจะกลับมาทำได้ดีแค่ไหน แต่กับ แทมมี่ อบราฮัม ถือว่าฟอร์มการเล่นอยู่ในช่วงเข้าฝัก อยู่กับสโมสรใหญ่ แถมลุยเวทียุโรปด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่แม้ เคน จะทำได้ดีกับอังกฤษ แต่ดูเหมือนกับ สเปอร์ส ดูจะกำลังเจอปัญหาใหญ่ เพราะผลงานไม่ได้ดีเหมือนกับที่ผ่านมา 

องค์ประกอบโดยรวมหลายๆอย่างในซีซั่นนี้ทำให้ แทมมี่ มีภาษีที่ดีกับการติดทีมลุยศึกใหญ่กลางปีหน้า แม้ว่าอาจจะไม่ถึงขั้นที่จะยึดหัวหาดเป็นกองหน้าหมายเลขหนึ่งของทีม แต่หมายเลขสองถือว่าเป็นไปได้ไม่น้อย

เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าบางครั้ง อังกฤษ เหมือนกับมีอาถรรพ์ทุกครั้งไป จะต้องมีเหตุให้ทีมต้องเจอเรื่องราวที่ขัดขวางให้ทีมไปไม่ถึงจุดสูงสุด

ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บของนักเตะ ใบแดงระหว่างทัวร์นาเม้นต์ หรือการดวลเป้าที่กลายเป็นของแสลงของทีมไปแล้ว

แน่นอนว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต เองไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งการมีตัวคอยสแตนบายด์ที่ไว้ใจได้ถือเป็นเรื่องที่ควรจะมีเป็นอย่างยิ่ง

กับกองหน้าที่มีอยู่ในข่าย แฮร์รี่ เคน ยังไงคงเป็นตัวยืนอยู่แล้ว เช่นเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่คงไม่พลาดติดทีมแน่ ในบรรดากองหน้าตัวเป้านอกจาก แทมมี่ อบราฮัม แล้วยังมี คัลลั่ม วิลสัน อีกคน ที่เหลือออกแนวเป็นตัวริมเส้นซะมากกว่า

น่าจะเป็นเหตุผลที่ เซาธ์เกต ให้ แทมมี่ ได้โอกาสลงสนาม และคงได้ลงเล่นมากขึ้นในระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขันกลางปีหน้าจะมาถึงจริง

ตอนนี้ก็มองไม่เห็นแล้วว่าใครจะเหมาะสมไปมากกว่าดาวยิงจากค่ายสิงห์บลูส์ที่จะเป็นกองหน้าเบอร์ 2 คอยทำหน้าที่แทน แฮร์รี่ เคน

หากไม่มีอะไรผิดพลาด ชื่อของ แทมมี่ อบราฮัม จะเป็นหนึ่งในขุนพลของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในการชิงชัยแชมป์ทวีปอย่างแน่นอน