ดราม่าไทยลีก 3 โซนเหนือ จบแบบไหนเจ็บน้อยสุด ?
ตามปกติในฤดูกาลระบบไทยลีก 3 จะหา 2 ทีมจากแต่ละโซน 6 โซน รวม 12 ทีมไปแข่งขันในรอบแชมเปียนส์ลีก ซึ่งทางฝ่ายจัดเองได้ว่างโรดแมปไว้หมดแล้ว เพื่อหา 3 จาก 12 ทีมขึ้นสู่ไทยลีก 2 ต่อไป
ปัญหาคือหลังเกิดสถานการณ์ โควิด-19 ระลอกใหม่เข้ามา ทำให้ฟุตบอลถูกหยุด ซึ่งทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันและสโมสรสมาชิกมีมติในที่ประชุมออนไลน์ให้ “ตัดจบ” ในรอบโซนทั้งหมด
ทั้งที่ “บางทีม” ยังแข่งขันไม่ครบ
ทำให้การ “ตัดจบ” เป็นประเด็นให้เกิดข้อพิพาทขึ้น 2 โซน คือ โซนภาคเหนือ และ กรุงเทพปริมณฑล
โซนกรุงเทพและปริมณฑล
นอร์ทกรุงเทพ ลอยลำเข้าเป็นแชมป์โซนไปแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่การแย่งชิงพื้นที่อันดับ 2 ระหว่าง บางกอก เอฟซี และ นนทบุรี ส.บุญมีฤทธิ์ ที่ทั้งสองทีมมี 44 คะแนนเท่ากัน
ก่อนหน้านี้ บางกอก เอฟซี แม้จะอยู่อันดับที่ 3 แต่มี “เฮดทูเฮด” ที่ดีกว่า เมื่อฝ่ายจัดมีมติตัดจบทำให้พวกเขาจะผ่านไปเล่นในรอบแชมเปียนส์ลีกทันที ในฐานะรองแชมป์โซน ทว่าเรื่องนี้ นนทบุรี ส.บุญมีฤทธิ์ ได้ “ประท้วง” คำตัดสิน โดยให้เหตุผลว่า ฝ่ายจัดจะใช้การตัดสินด้วย “เฮดทูเฮด” ไม่ได้ เนื่องจากตามกฎไทยลีก การจะตัดสินด้วย “เฮดทูเฮด” ต้องเกิดจากการแข่งขันจบฤดูกาลแล้ว
แน่นอนว่าไม่แฟร์กับ นนทบุรี ส.บุญมีฤทธิ์ ที่อยู่อันดับ 2 ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เป็นต่ออยู่ 1 ลูก
โซนภาคเหนือ
โซนนี้ปัญหาหนักกว่ากรุงเทพปริมณฑลหลายเท่าตัว คือการแข่งขันยังไม่จบฤดูกาลเช่นกัน ซึ่งสถานการณ์เรียลไทม์ก่อนหน้า
อันดับ 2 แม่โจ้ ยูไนเต็ด 15 นัด มี 33 คะแนน (ประตูได้เสีย +15)
อันดับ 3 พิษณุโลก 14 นัด มี 32 คะแนน (ประตูได้เสีย +17)ที่ผ่านมาเกมระหว่าง อุตรดิตถ์ พบ พิษณุโลก ถูกเลื่อนออกไปจากสถานการณ์ โควิด-19 ในพื้นที่
ต่อมาเมื่อเกิดเคส “ตัดจบ” ฝ่ายจัดและสโมสรสมาชิกมีมติในที่ประชุมออนไลน์ให้ พิษณุโลก ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 แทน ด้วยเหตุผลที่เฮดทูเฮดดีกว่า
แน่นอนว่าเรื่องนี้ แม่โจ้ ไม่ยอม !!!
ในมุมของ แม่โจ้ มองว่าในเมื่อฝ่ายจัด “ตัดจบ” ก็ต้องอ้างอิงจากตารางคะแนนเรียลไทม์ขณะนั้น ซึ่ง แม่โจ้ อยู่ในอันดับที่ 2 ซึ่งต่อมาฝ่ายจัด “กลับลำ” เปลี่ยนมาให้ แม่โจ้ เข้ารอบในฐานะทีมอันดับ 2 แทน
แน่นอนว่าเรื่องนี้ พิษณุโลก ก็ไม่โอเค !!!
ในมุม พิษณุโลก หากย้อนกลับไปเกมที่พวกเขาเตรียมพบ อุตรดิตถ์ พวกเขาพร้อมแข่งขัน แต่เป็นฝั่ง อุตรดิตถ์ ที่ขอเลื่อนไป ทั้งที่เกมนี้ พิษณุโลก ขอเพียงผลเสมอ ก็จะเข้ารอบเป็นรองแชมป์โซนทันที ด้วยผลเฮดทูเฮดและประตูได้เสียที่เหนือกว่า
เคสนี้ พิษณุโลก ก็ไม่ผิด…
แม้ต่อมาฝ่ายจัดภาคเหนือพยายามหาทางออกร่วมกัน โดยเสนอให้ พิษณุโลก และ แม่โจ้ แข่งขันเพลย์ออฟกันเพื่อหาทีมเป็นอันดับ 2
พิษณุโลก เองพร้อมเตะ แต่ปรากฎว่า แม่โจ้ ไม่ยอมแข่งด้วย
จบแบบไหนให้เจ็บน้อยที่สุด ?
ปัญหาของเรื่องนี้แต่แรกเริ่มคือ “กฎ” ไม่ระบุเอาไว้ให้ละเอียดตั้งแต่ต้นว่า กรณีหากมีการยกเลิกการแข่งขันระหว่างฤดูกาล จะใช้วิธีแบบไหนหาทีมไปเล่นรอบเพลย์ออฟแชมเปียนส์ลีก
ยิ่งเคสภาคเหนือที่เป็นปัญหาใหญ่ ก็ต้องมองใจเขาใจเรา
หากให้ พิษณุโลก มาเตะกับ อุตรดิตถ์ ในนัดตกค้างก็ไม่ได้ เพราะ “ตัดจบ”ไปแล้ว และหากเตะได้ แต่ถ้า อุตรดิตถ์ ปล่อยนักเตะออกทีมไปหมดแล้ว จะแข่งขันเช่นไร ?
ตรงนี้ก็ไม่แฟร์กับ แม่โจ้ ที่ยึดคำตัดสินเดิม
หรือหากให้เพลย์ออฟสนามกลางระหว่าง พิษณุโลก กับ แม่โจ้ แต่ แม่โจ้ เองก็ปล่อยนักเตะกลับบ้านไปแล้ว หากเรียกกลับมาก็ต้องเข้ากระบวนการกักตัวอีก 14 วัน ตามหลักของ ศบค. ซึ่งก็เสียเวลาไปอีก
ท้ายสุด “ดราม่า” นี้จะถูกปิดฉากลงในสัปดาห์หน้า โดยการให้สภากรรมการ “ตัดสิน”
ทำให้ ไม่ว่าจะตัดสินออกมาในรูปแบบไหนต้อง “ไม่ยุติธรรม” ต่ออีกทีมที่ไม่ได้ไปเพลย์ออฟแน่ ปัญหาคือฝ่ายจัดจะชี้แจงให้ทีมที่ได้ประโยชน์-เสียประโยชน์ ยอมรับและเข้าใจกับประเด็นที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
ให้ “เจ็บน้อยสุด” ไม่ต้องมีการฟ้องร้องกันต่อ
มุมผู้เขียนมองว่าไหน ๆ ก็ต้องมีคนเจ็บอยู่ดี สู้เอาทั้ง 2 โซนที่ดราม่า เข้าไปเล่นรอบแชมเปียนส์ลีกทั้งหมดเลยดีไหม จาก 12 เป็น 14
แบ่งโปรแกรมการแข่งขันใหม่ โดยเพิ่มทีมที่เป็นดราม่าเข้ามา โดยใช้รูปแบบการแข่งขันเดิมคือหา 3 ทีมที่ดีสุดขึ้นไปเล่นไทยลีก 2
ใช่ อาจไม่แฟร์กับอีก 10 ทีมที่เหลือ ที่อาจต้องมีโปรแกรมแข่งมากกว่าเก่า รวมถึงการเดินทางหนักกว่าเดิม
แต่อย่างน้อยจบแบบนี้น่าจะเจ็บน้อยกว่าการตัด 2 ทีมที่เขาไม่ได้ผิดอะไรทิ้ง
ในฐานะคนเสพฟุตบอลคนหนึ่ง อยากให้วิธีนี้เป็นหนึ่งในทางเลือก สำหรับการประชุมสภากรรมการสัปดาห์หน้า
เพราะสุดท้าย “ฟุตบอล” มันต้องตัดสินกันด้วย “ฝีตีน” ไม่ใช่หรือ ?