ขณะที่คุณๆเลื่อนสายตาอ่านข้อความนี้ ฉันคงหนีป่าคอนกรีต ไปพบตัวเองบนภูเขาแถบภาคเหนือ คล้ายเป็นธรรมเนียมประจำที่ต้องปฏิบัติทุกปี
365 วัน หมุนไวพอสมควร มันเป็นปีที่ฉันพลิกตัวเองหลายอย่างในการใช้ชีวิต ฉันเปลี่ยนงานหนที่ 3 ในรอบปี สังคมใหม่มาพร้อมการมีเวลานั่งดื่มเบียร์ผสมเสียงเพลงมากกว่าเก่า รวมถึงมีเกาคอลัมน์ "ดากานดา" นี้ด้วย
1 ปีโลกลูกหนังไทยผ่านพ้น สิ่งที่น่ายินดีสุดใน 12 เดือนของฉันไม่ใช่การบินไปเติบใหญ่ในแดนอาทิตย์อุทัยของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ หากแต่เป็นการเติบโตและ "ผลิใบ" ของนักเตะคนหนึ่ง
บิดเข็มนาฬิกาชีวิตเบี้ยวๆกลับไป สมัยฉันถูกเชิญไปทำข่าวที่ บุรีรัมย์ฯ เนวิน ชิดชอบ พ่อใหญ่แดนอีสานใต้พาเยี่ยมชมแคมป์ของนักเตะชุดใหญ่และเยาวชน ช่วงหนึ่งฉันโผล่คำถามใส่ไปเรียบๆว่า ผู้เล่นคนไหนที่น่าจับตามองบ้าง
"คนนี้ (เขาชี้นิ้วไปที่เด็กคนหนึ่ง) รอดูได้เลย อิเนียสตาเมืองไทยในอนาคต"
จากวันนั้นฉันจึงรู้จักเด็กใบหน้าละอ่อนที่ชื่อ สุภโชค สารชาติ
"เช็ค" เป็นหนุ่มจากศรีสะเกษ ริอาจสัมผัสฟุตบอลตอน 9 ขวบ ฝีตีนเริ่มปล่อยของตั้งแต่เด็ก จนถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดึงเข้าทีมตอนอายุ 13 และถูกถีบไปเล่นกับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี
ความสามารถเฉพาะตัวที่เร็ว คล่อง เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวรุก และริมเส้น ส่งให้เขาฉายแสงเด่นกว่าพ่อค้าแข้งรายอื่นที่เริ่มบินในรุ่นเดียวกัน ไม่นาน เนวิน จัดการจับ สุภโชค ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร
ปี 2015 "เช็ค" ได้โอกาสกลับบ้านเกิดหลังต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีคิวบุกเยือนถิ่นศรีนครลำดวน และเขาได้รับโอกาสลงสนามในเกมนั้นด้วยวัยเพียง 17 ปี 2 เดือน 18 วัน
9 เดือนต่อมา สุภโชค พบตัวเองบนสนามรบสีเขียวอีกครั้ง แต่หนนี้เป็นระดับเอเชีย เด็กหนุ่มที่อายุเพียง 17 ปี 11 เดือน 3 วัน ถูกส่งลงสนามในเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก พบ เอฟซี โซล แม้ทีมจะพ่าย 1-2 แต่นั่นคือปฐมบทบนฟลอร์หญ้าระดับเอเชียของ "เช็ค"
โอกาสเข้ามาเคาะหน้าแข้งเจ้าตัวมากขึ้น อีก 17 วันให้หลังที่สร้างประวัติศาสตร์ลงเล่นถ้วยเอเชีย "เช็ค" เนรมิตชื่อใส่สกอร์แรกบนเวทีไทยลีกได้สำเร็จ ในเกมที่ "ปราสาทสายฟ้า" บุกเสมอ โอสถสภาฯ 2-2
เมล็ดพันธุ์ลูกหนังเจ้าของฉายา "อิเนียสตาเมืองไทย" ที่เนวินเคยโม้ไว้ เริ่มผลิดอกออกผลให้เห็น การได้รับโอกาสลงสนามมาพร้อมก้าวเดินที่พัฒนาอย่างกระโดดบนนถนนลูกหนังท่ามกลางแข้งระดับมากดีกรีที่ชนกันล้นทีม
ล่วงผ่านถึงฤดูกาล 2017 เหมือนจะเป็นปีของ สุภโชค หลังได้รับโอกาสมากกว่าเก่า การถีบฝีตีนตัวเองขึ้นมาต่อกรกับแนวรับไทยลีกแบบไม่ตื่นกลัว สร้างสรรค์โอกาสในแนวรุก รวมถึงชง-ตบเอง ส่งให้ชื่อของเช็คเริ่มไปทำความรู้จักบุคคลในโลกลูกหนังมากขึ้น
สถิติถูกขีดขึ้นอีกคราในเกมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกถล่ม ไทยฮอนด้าฯ 5-1 สุภโชค สามารถกระหน่ำแฮตทริก และเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังไทยที่ทำได้ด้วยวัย 18 ปี 9 เดือน 17 วัน จบฤดูกาล 2017 ด้วยการกดไป 7 ตุง มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในบรรดาแข้งไทย
แหงล่ะ...เมื่อผลลัพธ์บนสนามหญ้าออกมาดี เขาหนีไม่พ้นรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีไปครอง
บนวัย 19 ปี ขณะที่พ่อค้าแข้งหลายคนยังถีบตัวเองขึ้นทีมชุดใหญ่ หรือรอรับโอกาสบนม้านั่งข้างสนาม สุภโชค สารชาติ กวาดเรียบรวมไป 6 โทรฟี่แล้ว กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (และคงไม่หยุดแค่นี้)
ขณะในรั้วทีมชาติเขาถูกจับสวมยูนิฟอร์มช้างศึกตั้งแต่ U-19, U-23 หรือทีมชาติชุดใหญ่ที่ได้รับโอกาสจาก มิโลวาน ราเยวัช ลงไปสัมผัสกลิ่นอายฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกมาแล้ว
6 ปีที่ก้าวเข้ารั้ว บุรีรัมย์ อะคาเดมี่ จากเด็กหนุ่มตัวเล็กที่มองแผ่นหลังของ จักรพันธ์ แก้วพรม เป็นแรงบันดาลใจเคลื่อนฝัน วันเวลาล่วงผ่านจวบปัจจุบันขณะ เขาพบตัวเองยืนเคียงข้าง "ไอดอล" ตัวเองบนเวทีสีเขียวอย่างไม่เคอะเขิน
และคงไม่เว่อร์เกินไปหากฉันจะบอกว่า เมล็ดพันธ์ลูกหนังที่ชื่อ สุภโชค สามารถ "ผลิใบ" เป็นร่มเงาใหญ่ให้ทีมได้แล้ว
