รางวัลดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ใหญ่มักจะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเหล่าดาวยิงชั้นยอดของยุโรปต่างต้องการไปถึงอันดับ 1 ของทวีป
ปัจจุบัน อ็องตวน กรีซมันน์ คือดาวซัลโว โดยทำไป 6 ประตูจากการเป็นตัวจริง 7 เกมให้ฝรั่งเศส ที่จบรองแชมป์ในยูโร ปี 2016 ที่โปรตุเกส คว้าแชมป์ในบ้านตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หาก กรีซมันน์ อยากรักษาตำแหน่งของเขาเอาไว้ให้ได้ในซัมเมอร์นี้ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่ดุเดือดจาก แฮร์รี่ เคน, แซร์ช นาบรี้, โรเมลู ลูกากู และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รวมถึงเพื่อนร่วมชาติอย่าง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ด้วย
ข้างล่างนี้คือยอดดาวยิงที่เราพิจารณาว่ามีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อท้าทายตำแหน่งรองเท้าทองคำในซัมเมอร์นี้
คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้
นี่คือคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก และปิฉากฤดูกาลอันสุดยอดกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชื่อของ เอ็มบั๊ปเป้ จะผุดขึ้นมาในหัวเมื่อคุณนึกถึงตำแหน่งรองเท้าทองคำ
เขาพร้อมแล้วที่จะคว้ารางวัลโกลเด้นบอลปี 2021 หลังทำไป 8 ประตู จาก 8 เกมในแชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 'ทายาท' ของทั้ง โรนัลโด้ และ ลีโอเนล เมสซี่ จาก ดาวิด เทรเซเก้ต์ เมื่อไม่นานมานี้ เอ็มบั๊ปเป้ ก็จะพยายามพิสูจน์คุณค่าของเขาในยูโรช่วงซัมเมอร์นี้
เอ็มบั๊ปเป้ ทำได้ 4 ประตู จาก 7 นัดในฟุตบอลโลกที่รัสเซีย เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และก็เข้าวินมาเป็นอันดับสองรองเท้าทองคำร่วมกับ ลูกากู, กรีซมันน์, เดนีส เชรีเชฟ และ โรนัลโด้
นั่นทำให้เขากลายเป็นตัวเต็งสำหรับความท้าทายรางวัลดาวซัลโวยูโร 2020 ที่ต้องเลื่อนออกมา
ฝรั่งเศส เองก็มีตัวเลือกเกมรุกมากมายรอบตัวเขา และก็เป็นตัวเต็งตำแหน่งแชมป์ยุโรปเพื่อต่อยอดความสำเร็จมาจากฟุตบอลโลก 2018
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับต้องมาอยู่ในกลุ่มยากกับทั้ง โปรตุเกส และ เยอรมัน ดังนั้น เอ็มบั๊ปเป้ จึงอาจมีโอกาสจำกัดสำหรับการเผชิญหน้าครั้งนี้
แฮร์รี่ เคน
เคน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอล และจะเป็นตัวชูโรงในทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ช่วงซัมเมอร์นี้
หลังจากจบฤดูกาลที่น่าผิดหวังกับ สเปอร์ส อีกครั้ง เคน ก็มีความต้องการที่จะคว้าถ้วยรางวัลที่เขามีโอกาสในฟุตบอลยูโร
เคน จะเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์นี้ด้วยแรงจูงใจอย่างล้นหลาม โดยเขานำดาวซัลโวในรอบคัดเลือก เมื่อทำไป 12 ประตู จากโอกาสยิง 22 ครั้ง ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นสกอร์สูงถึง 55 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
เคน จะได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาท์, ฟิล โฟเด้น, แจ็ค กรีลิช และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในการลุ้นรองเท้าทองคำ
รางวัลส่วนตัวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ เคน เพราะเขาก็เพิ่งจะคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ในวันสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อเอาชนะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ของ ลิเวอร์พูล
นอกจากนี้ เคน ยังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย มาแล้ว หลังพา อังกฤษ เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้
เราไม่ควรพูดถึงรางวัลนี้โดยที่ไม่เอ่ยชื่อ โรนัลโด้
ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสเคยคว้ารางวัลดาวซัลโว 5 ลีกยุโรปมาแล้วถึง 5 ครั้ง ขณะเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เคยได้มันเลยระหว่างการเล่นฟุตบอลยูโร โดยเคยจบเพียงรองดาวซัลโวต่อจาก กรีซมันน์ เมื่อ 5 ปีก่อนที่ฝรั่งเศส
กระนั้น โรนัลโด้ ก็ทำไปแล้ว 103 ประตู จาก 173 นัดที่ลงเล่นให้ โปรตุเกส ทำให้เขาเป็นหนึ่งในตัวเต็งสำหรับทัวร์นาเมนต์ในซัมเมอร์นี้
โรนัลโด้ นั้นมี ริคาร์โด้ เปเรยร่า, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ชูเอา กานเซโล่, ดีโอโก้ โชต้า และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่คอยสนับสนุน
โรเมลู ลูกากู
ลูกากู โชว์ฟอร์มไฟลุกกับ อินเตอร์ ในฤดูกาลนี้ และคาดว่าจะยังคงมีฟอร์มที่ดีต่อเนื่องไปถึงยูโร
ทีมของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ จะพบกับรัสเซีย, เดนมาร์ก และฟินแลนด์ ในกลุ่ม เอฟ ซึ่งดูเหมือนเป็นโอกาสเหมาะของ ลูกากู ในการทะลวงตาข่าย
ลูกากู จะได้รับการสนับสนุนจาก เควิน เดอ บรอยน์ และ ยูริ ตีเลมันส์ ซึ่งอาจช่วยให้เขามีโอกาสคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในซัมเมอร์นี้
ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมมีความกระตือรือร้นที่จะคว้าดาวซัลโวในฟุตบอลโลก 2018 แต่ก็ทำได้เพียงอันดับสองร่วมกับ กรีซมันน์, เอ็มบั๊ปเป้, โรนัลโด้ และ เชรีเชฟ
อย่างไรก็ตาม ลูกากู กำลังอยู่ในเส้นทางที่ยอดเยี่ยม โดยมีค่าเฉลี่ยทำประตูได้ 1.56 ลูกต่อ 90 นาทีที่ลงสนามในรอบคัดเลือก ซึ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายในทัวร์นาเมนต์
บรูโน่ แฟร์นันด์ส
แฟร์นันด์ส กลายเป็นหนึ่งในชื่อแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด และทำให้ ผีแดง มีเกมรุกที่น่ากลัวในพรีเมียร์ลีก
นับตั้งแต่ที่ บรูโน่ ย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็กลายเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ลีก แม้ว่าสุดท้ายจะอกหักหมด รวมถึงในยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศ เมื่อเดือนที่แล้วก็ตาม
เขาไม่เพียงแค่ทำไป 17 แอสซิสต์ได้ในฤดูกาลนี้ แต่ยังทำได้ตั้ง 28 ประตูด้วย
นั่นจึงทำให้มีการคาดกันว่า แฟร์นันด์ส จะมีฟอร์มการทำประตูที่น่าประทับใจกับโปรตุเกสในซัมเมอร์นี้
เขาอาจได้เปรียบคู่แข่งเรื่องจุดโทษ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาอยู่ใกล้กับการติดอันดับดาวซัลโว
อย่างที่บอกไป สตาร์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งจะทำได้เพียง 2 ประตู เท่านั้นจาก 28 นัดที่ลงสนามให้ทีมชาติ
อ็องตวน กรีซมันน์
กรีซมันน์ กำลังมองหาโอกาสรักษาตำแหน่งดาวซัลโวยุโรปเอาไว้ หลังจากที่เคยทำได้ในการแข่งขันปี 2016
กรีซมันน์ ทำได้ทั้งหมด 6 ประตูในทัวร์นาเมนต์เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว ซึ่งก็เอาชนะ โรนัลโด้ ที่ทำได้แค่ 3 ลูก
กองหน้ารายนี้ทำไป 20 ประตู จาก 51 นัดที่ลงเล่นให้ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาลนี้ หลังจากออกสตาร์ทซีซั่น 2020-21 อย่างปั่นป่วน
อย่างไรก็ตาม กรีซมันน์ เป็นนักเตะคนสำคัญ และด้วยคุณภาพรอบตัวเขาในทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ ทั้งเขา และฝรั่งเศส ก็มีลุ้นที่จะประสบความสำเร็จในซัมเมอร์นี้
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
กองหน้าของ บาเยิร์น มิวนิค ถูกยกให้เป็นดาวซัลที่เก่งที่สุดในโลกเมื่อหลายปีก่อน และทุกวันนี้ก็ยังคงมีฟอร์มที่สุดยอดกับแชมป์บุนเดสลีก ซีซั่นนี้
แม้จะอายุ 32 ปี แล้ว แต่ เลวานดอฟสกี้ ก็ยังทำสถิติที่น่าทึ่ง เมื่อเขาทำไป 48 ประตู จาก 40 เกมให้กับ เสือใต้ ในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม โอกาสของ เลวานดอฟสกี้ ในการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในยูโรก็อาจถูกขัดขวางด้วยคุณภาพโดยรวมของทีมชาติของเขาเอง
กองหน้ารายนี้ไม่ได้มีทีมรอบตัวเขาที่หรูหราอย่าง เอ็มบั๊ปเป้ ที่เล่นร่วมกับ กรีซมันน์, คิงเล่ย์ โกมัน และ ปอล ป็อกบา
แซร์ช นาบรี้
ยูโร จะเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกของปีกวัย 25 ปี แต่เขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับชาติมาแล้วจากการแข่งขันโอลิมปิก ปี 2016
นาบรี้ ได้รับเลือกไปลุยโอลิมปิกกับทีมชาติเยอรมันที่กรุงริโอ เขาช่วยให้ อินทรีเหล็ก คว้าเหรียญเงิน และกลายเป็นดาวซัลโวทัวร์นาเมนต์ด้วยการทำไป 6 ประตู จาก 6 นัด
หลังจากประสบความสำเร็จในโอลิมปิก นาบรี้ ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ปี 2016 โดยเขาทำแฮตทริกในนัดเปิดตัวที่ถล่ม ซานมารีโน 8-0
จากนั้นเขาก็คว้าแชมป์ยู-21 ชิงแชมป์ยุโรป กับทีมจูเนียร์ในปี 2017
สำหรับฤดูกาลนี้ นาบรี้ ทำไป 11 ประตู จาก 38 เกมให้กับ บาเยิร์น ซึ่งทำให้เขาก็อยู่ในตำแหน่งลุ้นดาวซัลโวรายการนี้เหมือนกัน
อัตราเรตตำแหน่งดาวซัลโวยูโร 2020
แฮร์รี่ เคน - 5/1 (แทง 1 จ่าย 5 ไม่รวมทุน)
โรเมลู ลูกากู - 15/2
คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ - 8/1
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - 11/1
เมมฟิส เดอปาย - 14/1
คาริม เบนเซม่า - 16/1
อัลบาโร่ โมราต้า - 20/1
อ็องตวน กรีซมันน์ - 22/1
โธมัส มุลเลอร์ - 22/1
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ - 25/1
แซร์ช นาบรี้ - 25/1
ทิโม แวร์เนอร์ - 25/1
อาร์เต็ม ซิวบา - 33/1
ดีโอโก้ โชต้า - 33/1
ดอนเยลล์ มาเลน - 33/1
