:::     :::

5 เหตุผลที่ปืนคิดถูกเลือกเซ็นถาวร "มาร์ติน โอเดการ์ด"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล ประกาศอย่างเป็นทางการคว้าตัว มาร์ติน โอเดการ์ด มาร่วมทีมถาวรหลังจากไม่มีตำแหน่งตัวจริงในทีม เรอัล มาดริด

โอเดการ์ด เคยมาเล่นให้ทีม "ปืนใหญ่" ด้วยสัญญายืมตัวในครึ่งหลังของฤดูกาลที่แล้ว ก่อนย้ายขาดมาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ด้วยสัญญายะระยาว พร้อมรับมอบเสื้อหมายเลข 8 ลงสนาม 

ทำไม อาร์เซน่อล จึงเลือกเซ็นสัญญากับ มาร์ติน โอเดการ์ด นี่คือ 5 เหตุผลสำคัญที่เชื่อได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

1. มิเกล อาร์เตต้า รู้คุณภาพฝีเท้าดีอยู่แล้ว 

ก่อนย้ายมาร่วมทีม อาร์เซน่อล ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลที่แล้ว มิเกล อาร์เตต้า เฝ้าติดตามผลงานของ มาร์ติน โอเดการ์ด มานานโดยเฉพาะช่วงที่เล่นให้ เรอัล โซเซียดาด

เรอัล โซเซียดาด เป็นหนึ่งในทีมเก่าของ อาร์เตเต้า ทำให้กุนซือชาวสแปนิชได้ติดตามฟอร์มของ โอเดการ์ด ในช่วงที่ถูกปล่อยไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งก็เป็นอีกฤดูกาลที่ดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์ทำผลงานได้ดี และลงเล่นต่อเนื่องรวม 36 นัดในทุกรายการ 

หลังจากนั้น อาร์เตต้า ก็ได้ร่วมงานกับ โอเดการ์ด เต็มๆ ในช่วง 4-5 เดือนของฤดูกาลที่แล้วซึ่งแน่นอนว่ายิ่งทำให้ได้รู้จักฝีเท้าและคุณภาพมากยิ่งขึ้น รู้ในความสามารถว่าเล่นอย่างไรได้บ้างและมีความพิเศษตรงไหน 

2. พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถเล่นในอังกฤษได้

การประสบความสำเร็จจากที่อื่นและมาพร้อมชื่อเสียงและฝีเท้าที่ได้รับการยอมรับ ไม่ใช่สิ่งการันตีว่าจะประสบความสำเร็จในการเล่นที่อังกฤษแน่นอนเพราะที่นี่ได้ชื่อว่าแตกต่างจากลีกอื่นและมีความหิดโหดไม่เหมือนใคร

แข้งดังหลายต่อหลายจึงย้ายมา "ดับ" กับการค้าแข้งบนเกาะอังกฤษ และจำต้องย้ายออกไปในเวลาไม่นาน

มาร์ติน โอเดการ์ด กับช่วงเวลาสั้นๆ ในฤดูกาลที่แล้ว ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าประสบความสำเร็จที่อังกฤษ แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นระดับหนึ่งว่า "เล่นได้" และเล่นได้ดีพอสมควรทั้งที่มีหลายปัจจัยไม่เกื้อหนุน

ปัจจัยที่ว่าคือการที่ช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล โอเดการ์ด แทบไม่ได้ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด และต้องย้ายทีมระหว่างฤดูกาล ทุกอย่างใหม่หมด ทีมใหม่ เพื่อนร่วมทีมใหม่ และการใช้ชีวิตในประเทศใหม่ การทำผลงานได้ดีประมาณนึงของ โอเดการ์ด จึงถือว่าไม่ธรรมดา 

โอเดการ์ด ลงเล่นพรีเมียร์ลีกไป 14 นัด แต่มีค่าเฉลี่ยสร้างสรรค์โอกาสอยู่ที่ 0.62 ครั้งต่อ 90 นาที มากเป็นอันดับ 2 ของทีมและถือว่าไม่ธรรมดาเลยกับช่วงเวลาสั้นๆ ที่ต้องปรับตัวเข้ากับการเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษ 

 

3. เป็นเป้าหมายอันดับแรกมาโดยตลอด 

มิเกล อาร์เตต้า และ เอดู ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคล็อกเป้าว่า มาร์ติน โอเดการ์ด คือตัวเลือกอันดับหนึ่งในการเสริมทัพในตำแหน่งตัวสร้างสรรค์เกม และอดทนรออย่างใจเย็น

ตลอดซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล มีข่าวพัวพันกับกองกลางเชิงรุกหลายต่อหลายคนไม่ว่าจะเป็น เอมิเลียโน่ บวนเดีย, เจมส์ แมดดิสัน, ฮุสเซม อาอูอาร์ ฯลฯ แต่ตัวเลือกที่ อาร์เตต้า ต้องการสุดยังคงเป็น โอเดการ์ด

ในบรรดาตัวเลือกอื่นๆ แมดดิสัน ถูกพูดถึงมากสุดเพราะผลงานกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ตลอด 3 ฤดูกาลแรกยอดเยี่ยมาก มีคุณสมบัติหลายอย่างที่โดดเด่นไม่แพ้ โอเดการ์ด และมีแต้มเหนือกว่าด้วยซ้ำในการเป็นนักเตะ "โฮมโกรวน์" 


แต่ด้วยค่าตัวที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งเอาไว้ค่อนข้างสูงในระดับ 60 ล้านปอนด์ และไม่สนใจข้อเสนอที่ อาร์เซน่อล อาจแนบนักเตะเข้าไปด้วยเพื่อลดค่าตัวลงมา อาร์เตต้า และ เอดู จึงไม่ผลีผลามทุบเงินในคลังล่าตัว แมดดิสัน และขณะเดียวกันก็ประเมินสถานการณ์ของ โอเดการ์ด อย่างต่อเนื่อง

เมื่อแน่ชัดว่า โอเดการ์ด ไม่อยู่ในแผนของ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาเลียนที่กลับไปคุม เรอัล มาดริด อีกรอบ อาร์เซน่อล จึงเดินหน้าเต็มตัวในช่วงท้ายของตลาดนักเตะ 

ทัพราชันพร้อมรับฟังข้อเสนอซื้อขาดเพราะที่ผ่านมาปล่อยยืมตัว โอเดการ์ด 4 รอบเข้าไปแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องเปิดโอกาสให้นักเตะได้ไปปักหลักกับทีมใหม่จริงๆ จังๆ หลังได้ชื่อว่าอยู่ในสังกัดของสโมสรมาตั้งแต่ต้นปี 2015 แต่ก็เหมือนไม่มีตัวตนเพราะถูกปล่อยยืมตัวตลอดและได้เล่นในสีเสื้อราชันเพียง 11 นัดเท่านั้น 

4. อายุน้อย สามารถพัฒนาได้อีก

หลังล้มเหลวกับแข้งประสบการณ์สูงหลายคนโดยเฉพาะ วิลเลี่ยน ที่ตอนนี้ต้องแบกค่าเหนื่อยก้อนโต อาร์เซน่อล จึงปรับแผนเสริมทัพเป็นนักเตะดาวรุ่งที่สามารถพัฒนาฝีเท้าต่อไปได้และมีอายุการใช้งานหลายปี 

ซัมเมอร์นี้ มิเกล อาร์เตต้า ดึงแข้งใหม่มาร่วมทีมแล้ว 5 คน ไม่มีใครอายุเกิน 23 ปีเลยไม่ว่าจะเป็น นูโน่ ตาวาเรส (21 ปี), อัลเบิร์ต แซมบี้ โลคองก้า (21 ปี), เบน ไวท์ (23 ปี), อาแรน แรมส์เดล (23 ปี) และ มาร์ติน โอเดการ์ด (22 ปี)

เห็นได้ชัดว่า การที่อายุน้อยคืออีกคุณสมบัติสำคัญที่ อาร์เตต้า ต้องการซึ่ง โอเดการ์ด ก็อยู่ในกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตาม แม้ โอเดการ์ด อายุเพียง 22 ปี แต่ก็มีความต่างกับแข้งใหม่หลายคนในรุ่นราวคราวเดียวกันเพราะมีประสบการณ์เพียบทีเดียวหลังผ่านการค้าแข้งในหลายประเทศทั้งบ้านเกิดนอร์เวย์, สเปน, ฮอลแลนด์ และอังกฤษ

อีกทั้งมีความเป็นผู้นำสูงและได้ประสบการณ์สำคัญตั้งแต่อายุน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเล่นในลีกนอร์เวย์ตั้งแต่อายุ 15 ปี, เล่นให้ทีมชาตินอร์เวย์ชุดใหญ่ตั้งแต่อายุยังไม่เต็ม 16 ปี และตอนอายุ 16 ปีเต็มก็เซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด เป็นที่เรียบร้อย 


5. ค่าตัวไม่แพง

สำหรับค่าตัวที่ อาร์เซน่อล จ่ายให้ เรอัล มาดริด เพื่อซื้อขาด มาร์ติน โอเดการ์ด มาร่วมทีมนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างถูกทีเดียว

ตัวเลขจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้อาจไม่ตรงกันเป๊ะๆ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ เจ้าพ่อข่าวซื้อขายบอกว่าอยู่ที่ 35 ล้านยูโร บวกโบนัสเพิ่มเติมรวมกันแล้วไม่เกิน 40 ล้านยูโร ขณะที่สื่ออื่นระบุ 30 ล้านปอนด์ บวกโบนัส 4 ล้านปอนด์ซึ่งหากแปลงเป็นหน่วยเงินเดียวกันแล้วก็จะได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน

มาร์ติน โอเดการ์ด มีชื่อเสียงในวงการมานานหลายปี ตามธรรมชาติแล้วจะถูกปั่นค่าตัวให้สูงมากกว่าได้ไม่ยาก และตอนอายุ 16 ปีที่ย้ายร่วมทีม เรอัล มาริด ก็มีค่าตัว 3 ล้านยูโรไปแล้วซึ่งถือว่ามากสำหรับเด็กอายุเพียงแค่นี้ 

แม้ไม่สามารถยึดตำแหน่งในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ได้ แต่ช่วงที่ถูกปล่อยยืมตัวทั้งการไปเล่นกับ ฮีเรนวีน, วิเทสส์ อาร์เน่ม, เรอัล โซเซียดาด และ อาร์เซน่อล ก็ทำผลงานได้ดีตลอด 

ดังนั้นการที่ อาร์เซน่อล สามารถดึงตัวมาร่วมทีมในราคาเบื้องต้น 30 ล้านปอนด์ ในเวลาใกล้เคียงกับที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจ่าย 100 ล้านปอนด์ซื้่อ แจ็ค กรีลิช ก็ถือว่าค่าตัวของ โอเดการ์ด ไม่แพงเลย หรือจะเทียบกับอีกเป้าหมายที่มีข่าวจริงจังอย่าง เจมส์ แมดดิสัน ก็เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น 

ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล เคยจ่ายเงินก้อนโตไปกับนักเตะหลายคนที่ดูแพงเกินจริง แต่สำหรับค่าตัวของ มาร์ติน โอเดการ์ด ไม่อยู่ในข่ายที่ว่ามาพราะการหานักเตะคุณภาพและชื่อเสียงระดับนี้ ในราคานี้ไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด