:::     :::

ปีหนึ่ง เพื่อนกัน และวันอัศจรรย์ของทีโฮ "Tim Howard"

วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,997
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บทความนี้คือเรื่องราวที่เล่าจากปากโดยตรงของ "ทิม ฮาวเวิร์ด" ผู้รักษาประตูที่เคยเป็นความหวังแห่งอนาคตในตำแหน่งผู้รักษาประตูคนใหม่ต่อจากฟาเบียง บาร์เตซ ซึ่งแม้จะได้อยู่ที่นี่แค่ 4 ปี แต่ความประทับใจของเขายังคงอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสมอ และนี่คือการเปิดเผยล่าสุดกับคอลัมน์ UTD Unscripted ขอเชิญรับฟังจากคำพูดโดยตรงของเขาได้นับตั้งแต่นี้

ตอนนั้นผมอายุ 15 หรือ 16 เองมั้งที่ตัดสินใจว่าจะเล่นฟุตบอลอาชีพ แต่ย้อนไปสมัยนั้นมันไม่มีแนวทางให้คนแบบผมเลยซึ่งเป็นเด็กที่โตมาจากนิวยอร์คและแถบนิวเจอร์ซีย์ในยุค 1990s มันคือเรื่องที่เป็นแค่ความฝัน

ผมนึกไม่ออกเลยว่า จะไปเล่นที่ไหน จะเล่นยังไง รู้แต่ว่าความฝันของผมคือเล่นฟุตบอล

ตอนนั้นผมเริ่มติดฟุตบอลมาประมาณสิบปีแล้ว มีกีฬาให้เลือกเล่นมากมายในอเมริกา แล้วก็มีคนบอกให้ผมเลือกสักอย่างนึง และผมก็เลือกซอคเกอร์ ผมชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่แรกเริ่มเลย

พวกเด็กตัวใหญ่ๆมักจะต้องไปเล่นโกลเสมอ แล้วผมก็เป็นเด็กตัวใหญ่นั่นแหละ ดังนั้นมันก็เลยเป็นผม โค้ชให้ผมลงเล่นโดยครึ่งนึงเล่นโกล ครึ่งนึงเล่นoutfieldในสนาม เพื่อให้ผมยังแฮปปี้กับมันอยู่ แต่พอเวลาผ่านไปผมก็รักในการเป็นโกล

ชีวิตที่เติบโตในถิ่นฐานเช่นในอเมริกานั้น ฟุตบอลในทีวีมีเพียงแค่เซเรียอาให้ดูเท่านั้นเอง ดังนั้นผมเลยดูลีกนั้นเยอะหน่อย แต่ยังไงก็ตาม ด้วยความดังของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ผมก็รู้จักผู้ชายตัวใหญ่ใส่เสื้อสีเขียวๆที่เล่นเป็นโกล ก่อนที่จะมารู้ภายหลังว่า นั่นคือปีเตอร์ ชไมเคิล แต่ผมก็ไม่ได้มีไอดอลอะไรจริงๆจังๆ ผมไม่มีโปสเตอร์นักเตะคนไหนในห้องเลย ผมแค่ฝันกับตัวเองอย่างเดียว

พอเวลาผ่านไป ความฝันนั้นมันก็ก่อตัวขึ้นทีละน้อย ผมเริ่มคิดแล้วว่าผมอยากจะไปเล่นในยุโรป แต่ผมก็ไม่นึกภาพไม่ออกเลยว่าผมจะไปเล่นลีกไหน ไม่มีเลย สิ่งเดียวที่คิดแค่ว่า กูจะไปเล่นที่ยุโรป แค่นั้น แล้วผมก็ขึ้นเครื่องบินมายุโรปเลย ค่อยว่ากัน

ผมอยู่ใน MLS 5ปีกับ Metrostars ก่อน และในปีสุดท้ายที่นั่นผมเริ่มได้ลงเล่น แต่ตอนนั้นผมก็เริ่มได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมกับทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่ง Bruce Arena มอบประสบการณ์อันดีให้กับผมในการได้ลงซ้อมร่วมกับ Kasey Keller และก็ Brad Friedel

อยู่มาวันนึง ก็เป็นช่วงเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเช่นนี้ในเดือนมกราคมปี 2003 ผมกำลังอยู่ในโรงแรม แล้วจู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามา

สายของ Tony Coton โค้ชผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เขาบอกผมว่ายูไนเต็ดตามดูผมอยู่และจะดูต่อไปเรื่อยๆ และให้ผมตั้งใจทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไปเหมือนเดิม และถ้าดูแล้วโอเค เดี๋ยวเขาจะติดต่อมา แล้วก็จบการสนทนาแค่นั้น

ตอนนั้นผมรีบโทรหาเอเย่นต์ทันทีเลย จากนั้นก็โทรหาแม่ โทรหาเพื่อนร่วมทีม ผมไม่รู้ว่าใครจะเชื่อผมไหม แม้แต่ตัวผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเกิดสิ่งนี้ขึ้นมา แต่แค่มีสายมาก็มากพอแล้วสำหรับผมในการได้รู้ว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกำลังจับตามองผมอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองจริงๆ

หลายเดือนต่อมา ช่วงพฤษภาคม โทนี่เดินทางมาดูผมลงเล่นในการได้ลงสนามในนามทีมชาติครั้งแรกกับเม็กซิโก และผมก็เล่นได้ดีมากเกมนั้น แล้วในที่สุด ซัมเมอร์นั้นก็เกิดดีลขึ้นมาเลย ผมได้ใบอนุญาตทำงาน และนั่นคือจุดเริ่มต้นแรกสุดในเรื่องทั้งหมดของผม

ในช่วงแรกๆก็มีอะไรติดขัดอยู่บ้างเล็กน้อย เซอร์อเล็กซ์ไปคุยกับผู้จัดการทีมของผมที่ Metrostars เพราะว่าพอหลังจากผมได้เซ็นสัญญากับยูไนเต็ด เขาไม่อยากให้ผมลงเล่นเกมสุดท้ายที่MLSของผม ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าและผูกไทในวันที่มาเปิดตัว ก่อนที่จะมารู้สึกทีหลังว่ามันแลดูบื้อๆมากเลย

แต่ยกเว้นเรื่องชุดที่ใส่เปิดตัวนั้น ซีซั่นแรกของผมที่นี่มหัศจรรย์มาก

ซึ่งมันบังเอิญจริงๆว่าปีนั้นเรามีปรีซีซั่นกันที่ US แล้วผมก็ต้องเจอกับทีมผมที่ Portland, Oregon ซึ่งตอนนั้นผมรู้จักยูไนเต็ดหมด รู้ว่านักเตะมีใครบ้าง ดังนั้นการที่อยู่ๆได้ร่วมห้องแต่งตัวกับพวกเขามันเลยรู้สึกแปลกๆอย่างแท้จริง รอย คีนเอย รุด ฟาน นิสเตอรอย, สโคลส์ซี่, กิ๊กส์ซี่, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

นึกย้อนไปนั้นรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รายล้อมไปด้วยนักเตะระดับนั้นเต็มไปหมด

ตอนนั้นถึงผมจะยังอายุน้อย แต่ก็เล่นมานานแล้ว และก็พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมก็เป็นผู้รักษาประตูที่ดีพอตัว ก่อนที่สุดท้ายแล้วผมก็ได้รับเรียนรู้อะไรบางอย่างเมื่อถึงช่วงซ้อมยิงประตู ผมมองตามบอลแทบจะไม่เห็น ไม่ทันแม้แต่จะเซฟ ถึงจะมีจังหวะไหนที่ยื่นมือจะไปปัดได้ ทุกครั้งที่ปัดบอลก็เจ็บมากๆ ผมถึงได้เริ่มรู้ว่ามาตรฐานที่นั่นสูงขนาดไหน แล้วผมยังต้องรีบพัฒนาตัวให้มากขึ้นเพียงใดให้เร็วที่สุด

คือถ้าไม่สู้ก็ไม่รอดแน่ๆ!

โชคดีที่ว่าผมเริ่มตั้งตัวได้ ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้น และเซอร์อเล็กซ์ก็ตัดสินใจมอบโอกาสเดบิวต์ให้ผมในการลงสนามเจออาร์เซนอลในเกมคอมมูนิตี้ชิลด์ มันคือวันนั้น เมื่อนึกย้อนกลับไป ผมแปลกใจว่าผมได้ลงเล่นได้ยังไง อะไรทำให้เซอร์อเล็กซ์เลือกผม แต่ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะ เกมจบด้วยการเสมอ 1-1 ต้องดวลลูกโทษที่จุดโทษ และผมเซฟลูกโทษได้สองครั้ง แล้วเราก็ได้แชมป์คอมมูนิตี้ชิลด์ พูดถึงตำนานเก่าๆน่ะนะ

ฟาเบียง บาร์เตซ ถูกปล่อยออกไปยืมตัวกับมาร์กเซย์ ดังนั้นมันเลยเหลือแค่ผมกับ รอย แคร์โรล ที่แย่งตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวจริงกัน รอยสุดยอดมากสำหรับผม และเราเข้ากันได้อย่างดี ซึ่งผมยังมีจุดอ่อนมากกว่าเขาอยู่

เวลาเมื่อคุณอยู่ในตำแหน่งโกลตัวสำรอง คุณก็เฝ้ารอให้ตัวจริงเล่นผิดพลาด และหวังอยากให้ทีมชนะด้วยสกอร์ประมาณว่า 5-4 แบบชนะก็จริง แต่เสียประตูเยอะ เผื่อว่าคุณจะได้รับโอกาสบ้าง เพราะสำหรับคนเล่นตำแหน่งโกล มันมีแค่สองอย่างจริงๆ คือได้ลงเล่นเต็มๆ หรือไม่ก็ ไม่ได้ลงเลยในเกมนั้นๆ ไม่มีเรื่องที่ว่าจะได้เปลี่ยนลงช่วงท้ายๆเกม

แต่ที่ว่ามา ในฐานะโกลสำรองผมไม่เคยมีความคิดแบบนั้นในหัวกับรอยเลย เขาดีกับผมมากๆและเราเข้ากันได้ดี

ในแง่ของการแย่งตำแหน่งกันเองภายในทั้งทีมนั้นมันเป็นอะไรที่บ้ามาก เพราะทุกๆคนเจ๋งหมด ทุ่มเทกันสุดๆและต้องการฟอร์มที่ดีที่สุดซึ่งกันและกัน ทุกๆคนต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองไป เพราะพวกเขารู้ว่าทำไม่ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ก็อาจจะโดนนักเตะระดับโลกคนอื่นๆในทีมแย่งตำแหน่งไป หรือไม่งั้นก็สโมสรออกควานหานักเตะคนใหม่ที่ต้องการเข้ามาแทนทันที

ทั่วๆไปแล้ว ฤดูกาลแรกของผมที่ยูไนเต็ดก็ยอดเยี่ยมดี มีจุดด่างพร้อยใหญ่ๆอยู่ครั้งนึง มันคือเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับปอร์โต้ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด หลายปีต่อมาผมก็เพิ่งได้เห็นถึงความเป็นจริงที่ว่า ผมเป็นคนแจ้งเกิดโจเซ่ มูรินโญ่เลยนะเนี่ย(หยอกๆ) แต่เอาจริงๆในขณะนั้นผมยังไม่สามารถจะเข้าใจได้ว่า ผลของความผิดพลาดมันใหญ่หลวงเพียงใด

เท่าที่นึกภาพช็อตนั้น ผมเซฟฟรีคิกในจังหวะแรกได้ และแฟนบอลมองว่ามันคือความผิดพลาด แต่ผมไม่สามารถเข้าใจมุมมองตรงนั้น


ดูจากไลน์อัพกองหลังทั้งสองเลก บราวน์ยืนคู่แกรี่ในตำแหน่งCB โอเช กับ ฟิล เล่นแบ็ค กลางเป็นเฌมบ้า เฌมบ้า โดนยิงก็ไม่แปลกหรอกทีโฮเอ๊ย น้ามูเล่นไดมอนด์อย่างเขี้ยวลากดิน และวันนั้นอะไรก็ไม่เป็นใจ นำอยู่ 1-0 กำลังจะเข้ารอบ ส่งโรนัลโด้ลงมาแทนเฟล็ทเชอร์ ได้สับอยู่แปปเดียว โดนอัดเจ็บร่วงลงไป ตอนที่กำลังกดปอร์โต้อยู่ สุดท้ายโซลชาต้องลงมาแทน และโดนตีเสมอนาทีสุดท้ายจากฟรีคิกของเบนนี่ แม็คคาร์ธีย์ ที่ทิม ฮาวเวิร์ดเซฟไว้ได้ก็จริงแต่ถือว่าพลาดตรงที่ไม่ยอมปัดบอลให้ขาด โดนคอสตินญ่าซ้ำเข้าไป จบเกมแมนยูแพ้ปอร์โต้ตกรอบด้วยสกอร์รวม 3-2 ในรอบ16ทีมสุดท้าย


ผมยังอายุน้อยอยู่ เพิ่งจะ 22 เอง ผมเลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จนกระทั่งหลายปีผ่านไป พอเริ่มใกล้ๆจะแขวนสตั๊ดแล้ว ตอนนั้นผมประเมินฟอร์มการเล่นของตัวเองและสามารถบอกคุณได้แล้วว่า สิ่งที่ผมทำนั้นมันถูกหรือผิด แต่ในช่วงอายุ 22 มันยังไม่ได้อยู่ในจุดนั้น

จริงๆแล้วมันคงจะดีกว่าเยอะในหลายๆด้านเลยถ้าผมย้ายมาอยู่แมนยูไนเต็ดในช่วงอีกสักสิบปีหลังจากตอนนั้น ในยามที่ผมมีประสบการณ์มากขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจนะที่ย้ายไปร่วมทีมตอนที่ยังอายุน้อยอยู่ในตอนนั้น เพราะถ้ามันมีโอกาสที่จะได้ย้ายทีมและมาเล่นให้ยูไนเต็ด มันก็ต้องคว้าเอาไว้เท่านั้นแบบไม่มีคำถามใดๆทั้งสิ้น

และถ้าคุณมีโอกาสจะได้เล่นให้ยูไนเต็ด คุณก็ย่อมรู้ดีว่าคุณก็มีโอกาสจะได้คว้าแชมป์ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลแรกของผม

ผมรู้ประวัติศาสตร์ของ FA Cup มานานก่อนที่จะได้โอกาสมาลงแข่งในรายการนั้น พอๆกับความยากของการจะหาดูเกมสักแมตช์นึงที่อเมริกา มันมีความโรแมนติกและมนต์ขลังเกี่ยวกับเอฟเอคัพ

โดยส่วนตัวผมนะ ถึงแม้เราจะไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกก็ตาม แต่มันก็เป็นปีที่น่าเหลือเชื่อมาก ผมมีชื่อติดในทีมแห่งปีของ PFA, ได้คอมมูนิตี้ชิลด์ และผมได้รับโอกาสในการลงสนามรอบชิงเอฟเอคัพเจอกับมิลวอลล์ด้วย มันทำให้ทุกอย่างดูสวยหรูมากกว่าเดิมจริงๆ

ผมมีโอกาสจารึกชื่อเป็นคนอเมริกันคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่เคยคว้าแชมป์เอฟเอคัพ บวกกับเรื่องที่ว่ามันมีโกลสัญชาติอเมริกันเพียงแค่สองคนเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก เป็นอีกครั้งที่ผมในยามอายุ22ปี คิดว่าตัวเองดีที่สุด ผมเลยพยายามพัฒนาตัวเองให้เป็นที่กล่าวขวัญถึงเช่นเดียวกันกับพวกเขาด้วย 

การได้ลงแข่งและชนะถ้วยเอฟเอคัพในคาร์ดิฟฟ์เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก และเป็นโมเมนต์พิเศษมากในส่วนตัวของผมซึ่งถือเป็นการต่อยอดของฤดูกาลเดบิวต์ที่ดีเยี่ยม

ชัดเจนว่า เมื่อเอ็ดวิน ฟานเดอซาร์ย้ายเข้ามานั้น เขามาในฐานะผู้รักษาประตู World Class เบอร์ต้นๆของโลก เพราะงั้นมันก็เข้าใจได้ และโอเคแหละที่จะต้องย้ายออกไปยืมตัวกับเอฟเวอร์ตัน ซึ่งสุดท้ายแล้วผมก็ได้ย้ายไปร่วมทีม และมีช่วงเวลาสิบปีที่ดีกับสโมสรแห่งนั้น

แต่เวลารำลึกความหลังย้อนกลับมาที่นี่ ผมก็นึกถึงแต่เรื่องดีๆสมัยอยู่กับยูไนเต็ด

ตอนผมอยู่ ผมได้มีโอกาสลงเล่นร่วมกับสุดยอดนักเตะบางคนที่อยู่ในทีมชุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแมนยูไนเต็ด นั่นก็คือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เวย์น รูนีย์ สมัยที่ยังเด็กๆและถูกปั้นโดยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันอยู่ เพราะงั้นเส้นทางที่จบลงไป มันไม่มีอะไรที่น่าเสียใจเลย แค่เราไม่มีโอกาสไปต่อกับทีมก็เท่านั้นเอง

"โอกาส"ที่ขนาดเอาแค่ฝันถึงยังยากเลย

-Tim Howard-

** อนึ่ง, ทิม ฮาวเวิร์ด เดบิวต์ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2002 และลงสนามรับใช้ชาติทั้งหมด 121 นัด / ย้ายมาอยู่กับแมนยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2002 ด้วยค่าตัว 2.7 ล้านปอนด์ และคว้าแชมป์กับแมนยูไนเต็ดสามรายการ นั่นก็คือ

-FA Community Shield ปี 2003 

-FA Cup: 2003–04 (ได้รองแชมป์เอฟเอคัพ 1ครั้ง ฤดูกาล 2004/05)

-League Cup ฤดูกาล 2005/06

ก่อนจะย้ายยืมตัวไปอยู่เอฟเวอร์ตันในปี 2006 และขายขาดในปี 2007 ในราคา 3.57 ล้านปอนด์ อยู่กับเอฟเวอร์ตันต่อไปอีก9ปี รวมเป็น 10ปี เคยได้รองแชมป์เอฟเอคัพปี 2008/09 กับเอฟเวอร์ตันหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะหมดสัญญากับท็อฟฟี่สีน้ำเงิน และย้ายกลับไปเล่นกับ Colorado ใน MLS ที่บ้านเกิดเมื่อปี 2016

ลงเล่นอยู่4ปีที่นั่น ก่อนที่เจ้าตัวเพิ่งจะแขวนสตั๊ดเมื่อปลายปีที่แล้ว ในวันที่ 1 ธันวาคม 2020 กับวัย 41 ปี กับสโมสรสุดท้ายของเขา นั่นก็คือสโมสร Memphis 901 ที่อยู่ในรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันทีโฮอายุ 42 ปี และกลับมาให้สัมภาษณ์กับทางสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับคอลัมน์ UTD Unscripted ในครั้งนี้

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/utd-unscripted-tim-howard

https://www.transfermarkt.com/tim-howard/profil/spieler/4267

https://www.dreamteamfc.com/c/news-gossip/264551/goalkeeper-man-united-peter-schmeichel-edwin-van-der-sar/

https://www.uefa.com/uefachampionsleague/news/0256-0e99f8d28848-84e084e1ddda-1000--ronaldo-s-group-stage-debut-16-years-ago-today/


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด