:::     :::

ลูกหนังในแบบฉบับราฟินญ่า

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,868
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของลีดส์ ยูไนเต็ด

สำหรับราฟินญ่าตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมยูงทองในช่วงปี 2020 โดยเฉพาะการสร้างสรรค์เกม และการทะลุทะลวง ช่วยให้ลีดส์ ยูไนเต็ด ทำลายล้างแนวรับของคู่แข่ง พร้อมกับยกระดับแนวรุกให้มีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น โดยหลายคนมองกันว่า ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ น่าจะทำให้ดาวเตะวัย 25 ปี อาจจะได้ค้าแข้งในถิ่นเอลแลนด์ โร้ดอีกไม่นาน


ช่วงนี้ เราลองไปติดตามเส้นทางลูกหนังของดาวเตะทีมชาติบราซิล รายนี้กันหน่อยว่า กว่าจะก้าวมาเป็นแข้งดังในศึกพรีเมียร์ลีก เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะการต่อสู้ในบ้านเกิดที่บราซิล และการเป็นนักเตะที่ร่างกายไม่ใหญ่นัก ที่ต้องโดนปฏิเสธจากการทดสอบฝีเท้ามาอย่างนับไม่ถ้วน 

ย้อนกลับไปอายุ 18 หลายอะคาเดมี่ปฏิเสธผม เกินกว่าจะนับนิ้วได้


ราฟินญ่า เริ่มเล่าถึงประวัติตัวเอง โดยเขาเกิด และเติบโตที่ปอรโต อเลเกร ประเทศบราซิล โดยการเป็นนักฟุตบอล ทำให้เขาต้องแบกรับความกดดันอย่างมหาศาล จากข้อจำกัดทางโครงสร้างร่างกาย ทำให้เขาถูกทีมดังในบ้านเกิด ปฏิเสธรับตัวเข้าร่วมทีมเยาวชน หลายสโมสรปล่อยทิ้งเขาตั้งแต่ช่วงทดสอบฝีเท้าแล้ว


ดาวเตะทีมชาติบราซิล กล่าวต่อไปว่าทีมที่ปฏิเสธผมมีหลายทีมด้วยกัน ตัวอย่างเช่น อินเตอร์นาซิอองนาล, เกรมิโอ ทุกทีมปฏิเสธผมหมดเลย การทดสอบฝีเท้า 1 อาทิตย์ จบลงด้วยคำว่า นายตัวเล็ก, นายอ่อนแอ และนายไม่มีพละกำลัง มันเป็นเหมือนเดิมเสมอ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


กาลเวลาดำเนินมาถึงในช่วงปี 2014 อาไว คือทีมแรกที่เขาเข้าร่วมอะคาเดมี่แบบจริงจัง กระนั้น เขาไม่เคยได้รับโอกาสลงสนาม รวมถึงไม่อาจทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ระยะทางที่ไกลแสนไกล ทำให้หัวใจเขาอยากยอมแพ้ เขาคิดว่า การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ช่างแสนยากเย็นเหลือเกิน

ราฟินญ่า บอกต่อว่าก่อนที่ผมจะอายุ 19 ผมกำลังฝึกกับสโมสรอาไว รุ่นยู-20 โดยตั้งอยู่ห่างจากปอรโต อเลเกร ประมาณ 6 ชั่วโมง ผมไม่เคยจากบ้านไกลขนาดนี้มาก่อนเลย เพื่อพยายามเซ็นสัญญากับสักสโมสร


หลังจากนั้น ผมโชคร้ายมาก เมื่อได้รับบาดเจ็บ และกลับมาฟิตอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ผมไม่อาจจะกลับมาสู่ทีมได้ เพียงแค่รายชื่อในวันแข่งขัน ผมก็ยังไม่มีเลย สโมสรบอกว่า ผมต้องไปฝึกซ้อมด้วยตัวเอง


ผมตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปหาครอบครัว พร้อมกับบอกว่าผมอยากกลับบ้านแล้ว เส้นทางของผมมันจบลงแล้ว !!! พ่อบอกโอเค แม่ก็บอกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม่ออกมาพูดเสริมว่า -ถ้าลูกล้มเลิกความฝัน ลูกต้องมาทำงานปกติ-” ราฟินญ่า บอกถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

ราฟินญ่า บอกว่า “ประเด็นหลักคือ ผมมีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอล ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ การที่ผมเรียนหนังสือไม่จบ แสดงว่าผมต้องไปหางานทำในซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านตัดผม หรือร้านอะไรก็ตาม


ผมรู้ว่าชีวิตคืออะไร เพราะแม่ต้องเปลี่ยนงานบ่อยครั้ง ทั้งช่างทำผม, ช่างทำเล็บ, พนักงานขายน้ำหอม/เสื้อผ้า, พนักงานต้อนรับ และบริกร ฯลฯ ในที่สุด ท่านก็เก็บเงินมากพอที่จะสามารถเรียนจบ ตอนนี้ท่านได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ท่านไม่เคยยอมแพ้เลย


แม่อธิบายให้ผมฟัง ท่านบอกว่าผมจะได้ลงเอยกับที่ไหนสักแห่ง ช่วงเวลาที่ยากลำบากจะผ่านพ้นไป ท่านแนะนำว่า ความสิ้นหวังที่ผ่านเข้ามา ทำให้ผมหลงลืมความต้องการในชีวิตไป และนั่นคือความจริง


คำสอนของแม่ ทำให้ราฟินญ่า ตัดสินใจลุกขึ้นสู้ต่อไป จนได้ย้ายมาเล่นฟุตบอลในลีกยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิตกับวิคตอเรีย กิมาไรส์ สโมสรในโปรตุเกส ตามมาด้วยอีกหนึ่งทีมจากแดนฝอยทองอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน และแรนส์ จากฝรั่งเศส ก่อนสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามลำดับ 


จนปัจจุบัน เขาได้มาเล่นในลีกยักษ์ใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก ในนามสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่า ตอนนี้ทีมดังมากมาย อยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด