ส่วนทีม “ชบาแก้ว” ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ก็ไปไม่ถึงฝันทำได้เพียงแค่คว้ารองแชมป์อาเซียน หลังโดนเจ้าภาพ “ฟิลิปปินส์” อัดยับ 3-0 

ซึ่งเป็นการบ้านให้สมาคมฯ ไล่ตั้งแต่ฝ่ายบริหาร, ฝ่ายเทคนิค รวมถึงทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช ต้องมาระดมสมอง ถกกันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟุตบอลไทยนระดับเยาวชน

เหตุใดฟุตบอลไทยยังไม่สามารถทิ้งห่างชาติในอาเซียนออกไปได้ในช่วงหลังปีที่ผ่านมา 

ส่วนของ “ชบาแก้ว” ยังพอเข้าใจสถานการณ์ได้ เพราะเพิ่งถ่ายเลือดใหม่ นักเตะหลายคนเพิ่งก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ คงต้องใช้เวลาอีกสักนิดค่อยประเมินว่าแนวทางที่ “มิโยะ โอกาโมโตะ” เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น วางไว้จะยกระดับทีมบอลหญิงไทยได้ไหม

แต่ฝั่งฟุตบอลชายจะหนักหน่อย โดยเฉพาะ “เอคโคโน่” กับ “ซัลบาดอร์ บาเลโร่ การ์เซีย” ที่เริ่มมีเครื่องหมายคำถามจากแฟนบอลแล้วว่าเป็น “ของจริง” หรือเปล่า? 

สามารถยกระดับฟุตบอลไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างที่วางแผนไว้หรือไม่? 

เอาจริงๆ ทัวร์นาเมนต์ล่าสุดน่าเห็นใจ “ซัลบา” เหมือนกัน เพราะฟุตบอลเด็กในบ้านราว 3 ปีมานี้แทบไม่มีแข่งขันเลย 

ไม่แปลกที่ “ซัลบา” จะยึดมั่นในผู้เล่นชุดเดิมที่คลุกคลีมาตั้งแต่ U15 เป็นหลัก เมื่อไม่มีโปรแกรมแข่งนอกจากจะมีตัวเลือกน้อย ยังทำให้นักเตะหลายคนความฟิตไม่ถึง 

เห็นได้ชัดเลยว่าเรามักแผ่วปลายในช่วงท้ายเกม และมักเร่งไม่ขึ้นในหลายๆ ครั้ง จนผลงานเป็นอย่างที่เห็น

แถมร่างกายของนักเตะก็ผอมบางเหลือเกิน หากไปเจอทีมในระดับเอเชีย ย่อมเจอผลกระทบเต็มๆ เพราะเด็กรุ่นนี้หลายๆ ประเทศล้วนร่างกายบึกบึนกันทั้งนั้น 

นั่นคือโจทย์ใหญ่ที่ “ซัลบา” และทีมงานที่ต้องสะสางให้เสร็จ เพื่อทำผลงานให้ดีขึ้นในเวทีใหญ่ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี 2023 รอบคัดเลือก ที่โอมาน 

โดย ไทยU19 เจองานไม่ง่ายนัก เพราะอยู่กลุ่มจี ร่วมกับ โอมาน, ฟิลิปปินส์ และ อัฟกานิสถาน ซึ่งจะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 14-18 กันยายน 2565

ซึ่งจะมีการคัดเลือกเอาทีมแชมป์กลุ่มทั้ง 10 สาย และทีมรองแชมป์ที่มีคะแนนดีที่สุด 5 ทีม ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ที่ประเทศ อุซเบกิสถาน ปีหน้าต่อไป

ถ้า “ซัลบา” ไม่สามารถพาทีมทำได้ตามเป้าหมาย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ คงต้องถึงเวลาต้องโบกมือลาอย่างเป็นทางการทั้งตัวเขาและเอคโคโน่ก็ได้

เพราะนี่เปรียบเสมือน “ฟางเส้นสุดท้าย” อย่างแท้จริง

ดังนั้นทุกอย่างอยู่ที่สองมือและมันสองของเขาแล้วครับ ว่าแก้ไขสถานการณ์อันกดดันแบบนี้อย่างไร 

สู้ๆ ครับ