นับตั้งแต่เลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 1 ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2013 พวกเขาก็ไม่เคยตกชั้นเลย
แถมสโมสรยังคงพัฒนาไปข้างหน้าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรังเหย้าอันสวยงาม และได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี สามารถจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติสบาย
ผู้เล่นต่างชาติฝีเท้าดีที่ทีมดึงมาร่วมทีมล้วนดีกรีไม่ธรรมดา หนึ่งในนั้นก็คือ “เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส” เจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของไทยลีกคนปัจจุบัน
แต่สิ่งที่ “ราชบุรี เอฟซี” ขาดไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คือความคงเส้นคงวาของฟอร์มการเล่น
บิดเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ผลงานของ “ราชบุรี เอฟซี” เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะทีมต้องดื้นรนหนีการตกชั้น
แต่ตอนนี้พวกเขากลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีเหลือเชื่อ ทั้งที่ตัวเล่นส่วนใหญ่แทบจะเป็นชุดเดิมจากปีที่แล้ว
โดยศึกรีโว่ไทยลีก ผ่านไป 1 ใน 3 ของการแข่งขัน ทีม “ราชันมังกร” ราชบุรี เอฟซี เกาะกลุ่มหัวตารางอย่างเหนียวแน่น
ตอนนี้พวกเขามีแต้มห่างจาก “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” จ่าฝูง เพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น
สาเหตุที่ทีมพัฒนาขึ้นต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเสริมทัพตรงจุด
ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งแบ็คขวาที่ “ฟิลิป โรลเลอร์” ทิ้งหลุดดำเอาไปไว้ ทำให้ปีนี้การได้ “ไฮน์ พโย วิน” แบ็คขวาทีมชาติเมียนมาร์ เข้ามาเสริมทัพ จึงเป็นปิดหลุดดำหมดจด
แถมการได้ “ปาร์ค จุน ฮยอง” ปราการเหล็กพลังโสมขาว ทำให้เกมรับแน่นขึ้น เมื่อผนึกกำลังกับ “กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล” มือกาวที่สวมบทร่างทองแล้ว ยิ่งทำให้เกมรับของทีมเหนียวแน่นทันตาเห็น เสียไปเพียง 3 ประตูจาก 9 เกม
เมื่อเกมรับลงตัว เกมรุกก็ไม่ต้องพะวง การได้ “จักรพันธ์ แก้วพรม” ทำให้กองกลางดูมีมิติขึ้น เพราะกองกลางวัย 34 ปี รายนี้ประสบการณ์และฝีเท้าไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว
ส่วนกองหน้า “อัลวิน ฟอร์เตส” ปีกทีมชาติหมู่เกาะเคปเวิร์ด ช่วยให้งานของ “แดร์เลย” ไม่หนักจนเกินไป
ที่สำคัญเลยคือ “ชาบี โมโร่” กุนซือเลือดกระทิงดุ วางแท็คติดให้กับทีมได้อย่างลงตัว คือจังหวะรุกและรับมีความบาลานซ์ จังหวะโต้กลับเร็วเฉียบขาดเหลือเกิน ล่าสุด “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” เจอทีเด็ดจังหวะสวนกลับเร็วของ “ราชันมังกร” มาแล้ว
ถือว่า “ราชันมังกร” มักถูกโฉลกกับกุนซือเลือดสแปนิชเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ปาเกต้า, อิบัน ปาเลนโก้ หรือ ริคาร์โด้ โรดริเกซ ที่ฝากผลงานเทพไว้กับทีม
เมื่อผลงานดี ทีมเวิร์คและสปิริตในทีมก็ดีขึ้นตามไปด้วย ตอนนี้เรียกว่าทีมเริ่มมาถูกทางและทุกอย่างดูลงตัวหมดแล้ว
แต่สุดท้ายต้องดูยาวๆ ว่า“ราชบุรี เอฟซี” จะยืนระยะได้นานแค่ไหน
หากรักษามาตรฐานการเล่นได้ยาวๆ พวกเขาจะเป็นเสี้ยนหนามสำคัญของบรรดาทีมลุ้นแชมป์แน่นอน
เพราะชั่วโมง “ราชบุรี เอฟซี” ฟอร์มผยองเดช พร้อมบวกทุกอยู่ทีมแล้ว และนี่คือม้ามืดตัวจริงของไทยลีกปีนี้ก็ว่าได้
