ตอนนี้พลพรรค “แข้งเทพ” รักษาพื้นที่รองจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น เป็นทีมที่ยิงประตูมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของศึกรีโว่ ไทยลีก 2022-23 ยิงไป 35 ประตูจาก 20 นัด เป็นรอง “ปราสาทสายฟ้า” ที่ยิงไป 53 ประตู และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ยิงไป 37 ตุง เท่านั้น
นอกจากนี้ยังเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในศึกรีโว่ไทยลีก 2022-23 หลังโดนเจาะไข่แดงไป 9 ประตู จาก 20 นัด เรียกว่าเกมรุกดูดี เกมรับเหนียวแน่น
แถมก่อนหน้านี้ยังมีลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วย 2 รายการ ทั้ง รีโว่ คัพ และ ช้าง เอฟเอคัพ เพราะอยู่ในรอบ 8 ทีมทั้ง 2 รายการ
ผลงาน 8 เกมหลังสุดทุกรายการ พวกเขาชนะรวด ยิงได้ 22 ประตู เสียไปเพียง 3 ประตู เรียกว่าชั่วโมงนี้พวกเขาพร้อมบวกทุกทีม
ทำให้การโคจรมาเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรอบ 8 ทีม รีโว่ คัพ เมื่อวันพุธที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นการวัดกันโดยตรงไปเลยว่า ถึงเวลาที่ “แข้งเทพ” พร้อมล่าแชมป์ฟุตบอลถ้วยที่เหลืออยู่หรือไม่
เพราะฟุตบอลไทยลีกคงต้องศิโรราบให้ “ปราสาทสายฟ้า” เพราะมีแต้มตามหลัง 9 แต้ม ดูท่าทางแชมป์เก่าคงยากที่จะสะดุด คงเข้าวินแบบม้วนเดียวจบ
วินาทีนี้ต้องยอมรับว่า บุรีรัมย์ คือของจริง เป็นทีมเบอร์ 1 ของไทย ยังคงสถิติไร้พ่าย พร้อมเดินหน้าป้องกันแชมป์ภายในประเทศทั้ง 3 รายการ
เมื่อวัดตัวผู้เล่นปอนด์ต่อปอนด์ต้องบอกว่า “แข้งเทพ” เองไม่ได้เป็นรอง “ปราสาทสายฟ้า” มากนัก
แนวรับมี มานูเอล ทอม เบียห์ กับ เอเวอร์ตัน กอนคัลเวส ตัวรุกทั้ง มาห์มูด ดาฮัดฮา, เฮแบร์ตี้ หรือ วานเดอร์ หลุยส์ ล้วนจัดจ๊าน
ตัวไทยล้วนเต็มไปด้วยแข้งดีกรีทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ปกเกล้า อนันต์ หรือ ชญาวัต ศรีนาวงษ์
แต่เมื่อจบเกม 90 นาที สกอร์บอร์ดในที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต หรือ ทรู สเตเดียม แสดงผลความพ่ายแพ้ 0-3 เกมรับที่เคยเสีย 9 ประตู ตลอด 20 นัด ในลีก พังพาบเสีย 3 ประตูในเกมเดียว
แถมเกมรุกสุดฝืดยิงไม่ได้สักประตูเดียว นี่คือการยิงประตูไม่ได้ในรอบ 11 เกมทุกรายการเลยทีเดียว
นั่นเป็นการตอกย้ำว่า หาก “แข้งเทพ” ต้องการก้าวไปเป็นแชมป์ฟุตบอล ช้าง เอฟเอคัพ รายการสุดท้ายที่ยังมีลุ้นแชมป์พวกเขาต้องดีกว่านี้
ขนาด “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชของทีมยังยอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแบบลูกผู้ชาย
“เรื่องคุณภาพของเกม นักเตะเล่นด้วยความเข้าใจค่อนข้างสูง และคุณภาพของตัวผู้เล่นของเขาก็คุณภาพคับแก้วทั้งหมด”
“แนวรุกทั้งหมดของ บุรีรัมย์ ก็แข็งแกร่ง ทำให้เกมที่เราต้องขึ้นไปกดดัน หรือไปเปิดแลกก็ค่อนข้างเสี่ยง เขาสามารถที่จะคอนโทรล พักบอลได้ หรือเล่นบอลยาว สปีดความเร็วของแนวรุก ทำให้ความกล้าๆ กลัวๆ ความกดดัน ของทีมเรามีจุดบอดครับ”
“ต้องยอมรับว่าบุรีรัมย์ แข็งแกร่งมากเราสู้ไม่ได้ คงต้องกลับมาพัฒนาคุณภาพของทีม และปรับปรุงทีมต่อไป ก็ยังมี ช้าง เอฟเอ คัพ ให้เราลุ้นอีกถ้วย และยังมีเกมเจอกับบุรีรัมย์ ในบ้านเราอีกครั้ง ก็กลับมาแก้ตัวในคราวหน้า”
ตอนนี้พลพรรค “แข้งเทพ” คงตื่นจากภวังค์แล้ว ผลงานยอดเยี่ยมที่ผ่านมามันยังไม่ดีพอ พวกเขาต้องยกระดับตัวเองให้สูงกว่านี้ในทุกมิติ ทั้งในฟอร์มในสนามและสภาพหัวใจของนักเตะ ยังต้องมีความอำมหิตกว่านี้
นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ “โค้ชแบน” ต้องเจอ ในการพาทีมไปให้ไกลกว่ายุค มาโน โพลกิ้ง หรือ ออเรลิโอ วิดมาร์ ถ้าทำได้โอกาสที่ “แข้งเทพ” จะพุ่งชนความสำเร็จมีสูง และ “โค้ชแบน” จะได้เครดิตเพิ่มอีกด้วย
หากทำไม่ได้บางทีทั้งคู่คงต้องถึงเวลาสวมคอนเวิร์สแยกทางกันตามวิถีฟุตบอล
