เฉกเช่นเดียวกับที่พวกเขาเพิ่งบรรลุข้อตกลงคว้าตัว นิโคเลา ดูมิทรู ปีกจอมพริ้วที่ถือ 3 สัญชาติ อิตาเลียน - โรมาเนียน - สวีดิช จากสโมสรฮาโปเอล เบนาย ซัคนิน ทีมจากลีกสูงสุดของอิสราเอล ซึ่งเส้นทางลูกหนังของเขาน่าติดตามอย่างมาก ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ “ปราสาทสายฟ้า”
เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลด้วยวัย 14 ปี ในระดับเยาวชนกับ เอ็มโปลี ในอิตาลี ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ในศึกเซเรีย บีฤดูกาล 2008/09 แต่กว่าจะได้ลงเล่นชุดใหญ่ ต้องรอถึงซีซั่น 2011/12 ด้วยการลงสนาม 27 เกม ยิง ได้ 4 ประตู ถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับเด็กในวัยยังไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์
อย่างไรก็ตามในซีซั่น 2010/11 ช่วงที่เขาไปอยู่ นาโปลี ที่มีขุมกำลังโหดจัดไม่น้อย นำโดย เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย, เอเซเกล ลาเวซซี ดาวดังทีมชาติอาร์เจนตินา ตลอดจน มาเร็ค ฮัมซิค แข้งชาวสโลวาเกีย ถือว่าเป็นแนวรุกสุดแข็งโป๊กในเวลานั้นของ กัลโช่ เซเรีย อา ก็ว่าได้
แม้ว่า นิโคเลา จะไม่สามารถทำประตูได้ในการเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ นาโปลี แถมได้รับบาดเจ็บหนักในช่วงเลกสอง แต่เขาก็ได้ประสบการณ์ที่มากมาย ก่อนกลับเอ็มโปลี จากนั้นก็ได้ไปผจญภัยกับอีกหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น แตร์นาน่า, ชิตตาเดลล่า, เรจจินา, เลติน่า, ,ลิวอร์โน รวมถึง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในประเทศอังกฤษ ที่ยืมตัวไปใช้งาน
ฤดูกาล 2020/21 เจ้าตัวโยกมาค้าแข้งในดินแดนเอเชีย กับ ซูวอน บลูวิงส์ ในเคลีก ของเกาหลีใต้ จากนั้น 1 ปี ก็กลับไปค้าแข้งในยุโรปร่วมกับ ยูเอที อารัด ในลีกสูงสุดของโรมาเนีย และล่าสุดอยู่กับ สโมสรฮาโปเอล เบนาย ซัคนิน ทีมจากอิสราเอลพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2022/23 ตลอดการโลดแล่นบนสายอาชีพตั้งแต่ปี 2007 – 2023 เจ้าตัวลงสนามรวมไป 359 เกม ยิงไป 65 ประตู และทำ 19 แอสซิส
ในนามทีมชาติอิตาลี เขาติดทีมเยาวชน ยู 19 ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี 11 เดือน 10 วัน มีส่วนในการพาทีมไปลุยศึกชิแชมป์ยุโรป อายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2010 โดยอยู่ในชุดเดียวกับ ฟาบิโอ บอรินี อดีตดาวเตะ ปาร์มา, โรมา, ลิเวอร์พูล, ซันเดอร์แลนด์ และ เอซี มิลาน
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถพาทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี ได้ ด้วยผลงาน แพ้ โปรตุเกส 0-2, เสมอ โครเอเชีย แบบไร้สกอร์ 0-0 ซึ่งทีม “ตราหมากรุก” มีแนวรับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คนใหม่ ที่เขาเคยปะทะมาแล้ว อย่าง เรนาโต เคลิช ลงเล่นตัวจริงในเกมวันนั้นด้วย
ตลอดจนการปราชัยให้กับ สเปน 0-3 ซึ่งทัพ “กระทิงดุ” มีผู้เล่นระดับขงเบ้งอย่าง ติอาโก้ อัลคันทารา ของลิวเอร์พูล รวมทั้ง โกเก้ มิดฟิลด์ แอตเลติโก มาดริด, อิเคร์ มูเนียอิน นักเตะอายุน้อยสุดที่ลงเล่นให้กับ แอธเลติก บิลเบา ครบ 500 เกม ด้วยอายุแค่เพียง 29 ปี เท่านั้น และ มาร์ค บาร์ตร้า อดีตปราการหลังดาวรุ่งของ บาร์เซโลน่า
จากนั้นเขาก็ขึ้นไปเล่นทีม ยู 20 ตอนอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เล่นในเกมอุ่นเครื่องไป 9 นัด แต่เขาเองก็ยังได้ร่วมงานกับ ลอเรนโซ อินซินเญ่ กราบซ้ายร่างเล็กชุดแชมป์ยูโร 2020 ที่เพิ่งจะย้ายไปเล่นให้กับ โตรอนโต เอฟซี แห่งเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา โดยรับค่าเหนื่อยปีละ 13 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 433 ล้านบาท)
กลับมาพูดถึงสไตล์การเล่นบ้าง เขาสามารถเล่นได้ทั้งกองหน้าตัวเป้า หรือจะออกมาเล่นทางปีกก็ทำได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ หลังพวกเขาบรรลุข้อตกลงในการปล่อย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ไปอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้
อดีตดาวเตะทีมชาติอิตาลี ชุดเล็ก มีเทคนิคส่วนตัวในการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว บวกกับความเร็วที่เหลือรับประทาน หากมาปรับจังหวะเข้ากับแท็คติคของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ชอบทำเกมรุกจากทางริมเส้นอยู่แล้ว ก็น่าสนใจเหมือนกันว่าจะเป็นอาวุธที่ “ปราสาทสายฟ้า” ตามหาหรือไม่
เพราะที่ผ่านมาเราเห็นได้ชัดว่า บ่อยครั้งที่ตัวริมเส้นที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ ตบเท้าเข้ามาเล่นให้กับทีมบางรายแล้วสอบไม่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็น อายุบ มาซิก้า ปีกทีมชาติเคนยา ที่เคยไปเล่นให้ เรดดิ้ง ในอังกฤษ, เหยหลงเจียง ในแดนมังกร รวมทั้งใน เจ ลีก กับ วิสเซล โกเบ จนต้องยกเลิกสัญญากันไป ก่อนที่ปัจจุบันจะเพิ่งย้ายกลับไปค้าแข้งแดนมังกรอีกครั้งกับทีม หนานจิง ซิตี้
หรือแม้แต่ แฟรงค์ คาสตาเญด้า ปีกโคลอมเบียที่ย้ายเข้าร่วมทัพ "ปราสาทสายฟ้า" ในเลกแรก ฤดูกาล 2022/23 ลงสนามไปทั้งสิ้น 9 นัด ทำได้ 3 ประตู และ 2 แอสซิสต์ ก็ยังต้องแยกทาง ทั้งที่เคยผ่านประสบการณ์ลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว กับทีม เชริฟฟ์ ติราสปอล แชมป์ลีกมอลโดวา ในชุดประวัติศาสตร์ที่บุกชนะ เรอัล มาดริด ถึงซานดิอาโก้ เบร์นาบิว 2-1
น่าสนใจว่า นิโคเลา จะสามารถมาสร้างชื่อให้กับตัวเองและบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในการลุยซีซั่นใหม่ รวมทั้งถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/24 รอบแบ่งกลุ่ม ได้มากขนาดไหน
เวลาและผลงานเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบพิสูจน์คุณค่าของเขาได้
