ก่อนเปิดฤดูกาลเหล่ากูรูลูกหนังไทย ต่างออกมาแสดงทรรศนะถึงทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้มากที่สุด?
จากที่พูดคุยกับบรรดาผู้คว่ำหวอดในวงการหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นเต็ง 1 ที่จะฟาดแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกันอย่างเป็นเอกฉันท์
แม้ว่า “ปราสาทสายฟ้า” จะพุ่งชนความพ่ายแพ้ในเกม “ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปียนส์คัพ” โดน “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สอยร่วงไป 2-0 แต่อย่าลืมว่าฤดูกาลก่อนพวกเขาเคยชวดแชมป์รายการนี้เมื่อแพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แต่สามารถเข้าป้ายเป็นแชมป์ไทยลีกมาแล้ว
สาเหตุที่หลายคนมองอย่างนั้นก็คือ “ประสบการณ์” ในการล่าแชมป์ระยะยาว และขุมกำลังชุดเดิมยังอยู่กันเกือบหมด แม้จะไร้เงา “โจนาธาร โบลินกิ” กองหน้าตัวเก่งที่หมดสัญญากับทีม รูบิน ซูลากา กองหลังอิรัก รวมไปถึง “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ท็อปแอสซิสต์ไทยลีกจากฤดูกาลล่าสุด ที่ย้ายไปร่วมทีม โอเอช ลูเวิน ในลีกสูงสุดของเบลเยียมแบบยืมตัว
แต่คนที่ย้ายเข้ามาล้วนดีกรีไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น คิม มิน ฮยอก กองหลังชาวเกาหลีใต้ ปีกที่เคยค้าแข้งในกัลโช ซีเรีย อา อิตาลีกับ นาโปลี อย่าง นิโคเลา คาร์โดโซ่ และ รามิล ซาร์ดาเยฟ กองหน้าทีมชาติอาเซอร์ไบจาน
ส่วนแข้งไทยอย่าง สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ แบ็คขวาที่ย้ายมาจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ลีออน เจมส์ กองกลางที่ย้ายมาจาก หนองบัว พิชญ น่าจะเป็นกำลังเสริมให้กับทีมในการแข่งขันหลายรายการทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างฟุตบอลเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม
ซึ่ง เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร คาดหวังเป็นอย่างมากที่จะพา “ปราสาทสายฟ้า” ฝ่าด่านอรหันต์หลุดจากรอบแบ่งกลุ่มผ่านไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ให้ได้
ทว่าก่อนเปิดฤดูกาลดันมีข่าวลือสะพัดว่า “ปราสาทสายฟ้า” จะชิงเปลี่ยนแม่ทัพด้วยการปลด มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือเลือดซามูไรออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช แล้วขยับ อาเธอร์ ปาปาส ผู้อำนวยการเทคนิคชาวออสเตรเลียขึ้นมากุมบังเหียนแทน
อดีตกุนซือคาร์ชิมา แอนด์เลอร์ส เข้ามาคุมทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงเลก 2 ของฤดูกาล 2021/22 แทนที่ของ อเล็กซานเดร กาม่า ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์เลกแรก ก่อนที่จะพา “ปราสาทสายฟ้า” กวาดแชมป์ในประเทศเรียบทั้ง 3 ถ้วย 2 ฤดูกาลติดต่อกัน
แต่การที่พวกเขาแต่งตั้ง “ปาปาส” ขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคย่อมเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะหากทีมดีอยู่แล้วจะต้องเอาคนอื่นมาดูแลทีมเพิ่มอีกทำไม อย่าลืมว่าดีกรีของ “อิชิอิ” ธรรมดาที่ไหน
เมื่อเจาะไปดูการทำงานของ “ปาปาส” แล้วยิ่งน่าสนใจ เพราะเขาคือมือขวาของ อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือคนปัจจุบันของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส บิ๊กทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดย “ปาปาส” คือคนที่มีส่วนผลักดันให้วิธีการเล่นของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส สมัยโค้ช “อังเก้” คุมทีมอยู่กลายเป็นโมเดิร์นฟุตบอลจนก้าวไปคว้าแชมป์เจลีก 2019
หนึ่งในสมาชิกของทีมชุดนั้นก็คือ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แข้งเบอร์ 1 ของทีม “ปราสาทสายฟ้า” ในปัจจุบัน
อย่าลืมว่า “ปราสาทสายฟ้า” เป็นทีมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จุดไหนมีปัญหาพวกเขาจัดการกำจัดจุดอ่อนทันที หากมองภาพรวมของทีมจนถึงปัจจุบันต้องยอมรับว่า “ไอเดีย” บางอย่างของทีมก็ดูจะตันๆ เหมือนกัน ดังนั้น “ปาปาส” อาจจะมีช่วยแนะนำหรือหาทางออกให้ทีมมีความหลากหลาย เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้จับทางได้ และเติมประสิทธิภาพของทีมให้แกร่งกว่าเดิม โดยเฉพาะการลุยศึกลูกหนังสโมสรเอเชีย
ตรงนี้ทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในการแยกทางกับ มาซาทาดะ อิชิอิ ว่าเหมาะสมที่จะคุมทีมต่อไปหรือไม่ หากวัดกันที่ผลงานไม่มีอะไรที่ทีมต้องเร่งเปลี่ยนแม่ทัพ เพราะมันแค่เริ่มต้นเท่านั้น นักเตะความฟิตยังไม่ถึง นักเตะอย่าง ฮาริช วุชคิช เพิ่งเดินทางมาถึงไทย อีกอย่างทีมเองก็เป็นประเภทม้าตีนปลายที่ยืนระยะในการล่าแชมป์อยู่แล้ว
แต่ถ้าบอร์ดบริหารมองว่า “อิชิอิ” มุกตันแล้ว ต้องการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องห้ามไม่ได้ อย่าลืมว่าฟุตบอลไทยต่อให้คุณประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ไม่ได้การันตีว่าจะคุมทีมได้ยาวนาน
ส่วนคำตอบว่า “อิชิอิ” จะอยู่หรือแยกทาง นัดแรกที่บุกไปเยือน ขอนแก่น ยูไนเต็ด คงได้ทราบคำตอบ หาก “อิชิอิ” ยังคุมทีมข้างสนามก็จะทำให้กระแสข่าวลือเงียบไปเอง หากตรงกันข้ามรับรองว่าวงการลูกหนังไทยสะเทือนอย่างแน่นอน
ว่าแล้วก็อยากให้ถึงวันเสาร์นี้เร็ว ๆ จัง
