ต้องชื่นชมนักเตะทุกคนและ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร เฮดโค้ชที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะโดนปัญหารุมเร้ามากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวผู้เล่นที่ส่งรายชื่อไปแค่ 21 คน จากโควต้า 22 คน หลังจาก สิทธิโชค ภาโส กองหน้าจาก ชลบุรี เอฟซี สภาพร่างกายไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ในช่วงโค้งสุดท้ายจนต้องพลาดช่วยทีม
ล่าสุดทีมเหลือนักเตะ 20 คน หลังจาก ชลบุรี เอฟซี ได้เรียกตัว บุคฆอรี เหล็มดี กองหลังกลับไปช่วยต้นสังกัดที่่เตรียมลงเล่นศึกไทยลีก ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ กับ อุทัยธานี เอฟซี
หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่หาคนมาแทน แต่เนื่องจากระเบียบการแข่งขันต้องส่งรายชื่อผู้เล่นก่อน หากนักเตะไม่อยู่ในรายชื่อที่ส่งให้ฝ่ายจัดการแข่งขันก่อนหน้านี้ จะไม่สามารถสามารถส่งชื่อและลงเล่นได้ เรียกว่าเป็นข้อบังคับที่ต้องวางแผนกันไว้ล่วงหน้า
ประกอบกับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกยังคงโม่แข่งแบบคู่ขนาน ขณะที่ เอเชียนเกมส์ ไม่ได้อยู่ในปฏิทินฟีฟ่าเดย์ ทำให้สโมสรสามารถไม่ส่งนักเตะตัวหลักมาช่วยทีมได้
เราจึงไม่เห็นบรรดาแข้งตัวเทพของรุ่นอย่าง กฤษดา กาแมน, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย หรือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ฯลฯ ถูกบรรจุอยู่ในทีมชุดนี้
นั่นทำให้ “โค้ชหระ” มีนักเตะให้ใช้แบบจำกัดจำเขี่ย เอาง่ายๆ ในเอเชียนเกมส์หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เรามีกองหน้าตัวความหวังชื่อดังมากมายทั้ง มานิตย์ น้อยเวช, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ธีรเทพ วิโนทัย,ธีรศิลป์ แดงดา หรือ อดิศักดิ์ ไกรษร เป็นต้น
แต่ครั้งนี้เรามีเพียง ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท กับ เด็กอายุ 18 ปี อย่าง ยศกร บูรพา นั่นทำให้ประสิทธิภาพในการทำประตูลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ทดแทนมาคือ “สปิริต” การเล่นเป็นทีมและความเป็นนักสู้
ไม่ว่าจะเป็นการไล่ตีเสมอ บาห์เรน ในช่วงทดเจ็บ การโดน เกาหลีใต้ นำในครึ่งแรก 4-0 แต่ครึ่งหลังสามารถยันเกมรุกทัพ “โสมขาว” ไม่เสียประตูเพิ่ม และเกือบทำประตูได้ด้วย และเกมล่าสุดเกือบชนะ คูเวต แต่มาพลาดท้ายเกมจนโดนตีเสมอ
นับตั้งแต่ “โค้ชหระ” เข้ามาคุมทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กุนซือรายนี้ถูกแฟนบอลไทยชื่นชมแบบจริงจังแค่ครั้งเดียวในศึกฟุตบอลอุ่นเครื่องโดฮา คัพ ที่กาตาร์ จากนัั้นล้วนโดนกระแสโจมตีมาตลอด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการอุ่นเครื่องครั้งนั้น อยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์ ทำให้ได้นักเตะชุดที่ดีที่สุดไปแข่งขัน ไม่แปลกที่ทีมจะเล่นได้อย่างดุดัน มีเกมเพรสซิ่งสุดโหด และเล่นได้ตื่นตาตื่นใจ
แต่หลังจากนั้นในซีเกมส์,ชิงแชมป์อาเซียน, ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก และล่าสุด เอเชียนเกมส์ นักเตะแทบจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอด และไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุด ไม่แปลกที่ฟอร์มของทีมจะลุ่มๆ ดอนๆ
แต่หากจะมองถึง “เป้าหมายใหญ่” ที่วางไว้ ทั้งการผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่กาตาร์ ปีหน้า และ การเข้ารอบ 16 ทีม ในเอเชียนเกมส์ ถือว่าบรรลุเป้าหมายทั้งหมด ที่มีพลาดคือ ซีเกมส์ ที่ได้เหรียญเงิน ขณะที่ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนถือเป็นเวทีลองทีมเท่านั้น
หากไม่อคติจนเกินไป ต้องยอมรับว่า “โค้ชหระ” ทำทีมได้ดีไม่น้อยเช่นเดียวกัน ส่วนจะบรรลุเป้าหมายใหญ่ในการคว้าตั๋วไปลุยโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปีหน้าได้หรือไม่ต้องลุ้นกันต่อไป
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าเห็นใจคือ “เงินอัดฉีด” จากซีเกมส์ เมื่อนักเตะและสต๊าฟฟ์โค้ชยังไม่ได้รับเงินจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ทั้งที่กีฬาชนิดอื่นได้รับกันไปแล้ว
ตรงนี้อยากวอนผู้ใหญ่ใส่ใจและเร่งดำเนินการสักหน่อยเพราะมันล่วงเลยมา 2 เดือนแล้ว
อย่าลืมว่านักเตะและสต๊าฟฟ์โค้ชกลุ่มนี้เป็นตัวแทนของชาติ แม้จะมีเรื่องราวที่สร้างชื่อ “เสีย” บ้าง แต่คนที่เกี่ยวข้องโดนลงโทษขั้นรุนแรง บางคนถึงขั้นโดนให้ออกจากงานไปแล้ว
สิ่งที่ควรจะได้พวกเขาก็ควรต้องได้ แม้เงินก้อนนั้นจะไม่ได้มากนักสำหรับบางคน แต่สำหรับนักเตะที่เงินเดือนไม่สูง ไม่ได้อยู่สโมสรใหญ่มันสามารถจุนเจือตัวเขาเองและครอบครัวได้ไม่มากก็น้อย เพื่อให้เขามีแรง มีพลังในการทำผลงานที่ดีในเกมต่อไปที่จะเจอของแข็งอย่าง อิหร่าน
ฟุตบอลไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเงิน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงิน คือปัจจัยสำคัญของทุกๆ อาชีพ
ฝากเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ให้น้องๆ และทีมงานได้สิ่งที่ควรได้ด้วยครับ
