แต่ครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อ “ปราสาทสายฟ้า” แทบจะพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนจะยิงประตูตีเสมอและแซงเอาชนะไปในที่สุดด้วยสกอร์ 3-2 จากการโหม่งของ ศุภชัย ใจเด็ด หัวหอกทีมชาติไทย 

ทำให้ตอนนี้ บุรีรัมย์ฯ นำโด่งเป็นจ่าฝูงมี 45 แต้มจาก 20 นัด นำห่าง การท่าเรือ เอฟซี รองจ่าฝูงที่สะดุดบุกไปเสมอกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แบบไร้สกอร์ 5 แต้ม 

ด้าน ทรู แบงค็อกฯ ที่ฟอร์มแรงในเลกแรก ตกมาอยู่อันดับ 3 มี 39 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า ปราสาทสายฟ้า อยู่ 1 นัด ทว่าเกมตกค้างกับ ลำพูน วอร์ริเออร์ ที่ยังหาวันลงแข่งไม่ได้ หาใช่งานง่าย เพราะตอนนี้ “ราชันโคขาว” ฟอร์มร้อนแรงจริงๆ

เชื่อว่าการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ในเลก 2 จะเหลือแค่ม้า 3 ตัวเท่านั้น ส่วน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อีกหนึ่งบิ๊กทีมต้องขอตัดชื่อออกจากสาระบบ 

นับตั้งแต่ มาโกโตะ เทกุระโมริ กลับมาคุมทีมคำรบ 2 ยังหาแนวทางการเล่นที่ชัดเจนไม่เจอ นักเตะตัวหลักก็เจ็บ ตัวที่ลงทุนซื้อด้วยราคาแพงอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ กฤษดา กาแมน ซึ่งค่าตัวกว่า 100 ล้านบาท ยังยกระดับทีมไม่ได้ ยิ่งในรายของ “ชนาธิป” นี่น่าห่วง เพราะลงสนามไม่กี่นัดก็เจ็บ เรียกว่าตอนนี้ร่างกายกรอบหมดแล้ว  

ล่าสุด “เดอะ แรบบิท” เล่นได้อย่างไร้ความกระหาย จนโดน ลำพูน วอร์ริออร์ อัด 2-0 จนแต้มตามหวังจ่าฝูงถึง 11 แต้มไปแล้ว 

ย้อนกลับไปหลังชัยชนะชนะของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักเตะที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น กิเยอร์เม่ บิสโซลี กองหน้าเลือดแซมบ้าที่โชว์ฝีเท้าสมราคา ไม่ใช่แข้งเซียงกง เมื่อเหมาคนเดียว 2 ประตู 

ตอนนี้หัวหอกวัย 26 ปี ที่เพิ่งย้ายมาจาก ซิเอร่า สปอร์ติ้ง คลับ ในซีเรีย บี บราซิล ยิงไปถึง 10 ประตูจากการลงสนามแค่ 5 นัด แถมเป็นการยิงในไทยลีกติดต่อกัน 5 นัดด้วย 

แถมเคยยิง 4 ประตูในนัดเดียว ในเกมเปิดบ้านชนะ โปลิศ เทโร ไป 6-2 เรียกได้ว่านี่คือ “ของแท้” และเป็นจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปนานนับตั้งแต่ โจนาธาน โบลินกิ แยกทางกับทีมไปหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา

ตอนนี้ บิสโซลี ยิงเป็นรอง อู กึน ยอง กองหน้า พีที ประจวบ เอฟซี และ วิลเลน ลิร่า กองหน้าชลบุรี เอฟซี ที่ยิงไป 13 ประตู เป็นดาวซัลโวไทยลีกร่วมกันอยู่แค่ 3 ประตูเท่านั้น 

ในช่วงเลกแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีปัญหาทำประตูไม่น้อย เมื่อยิงไปแค่ 27 ประตู จาก 15 นัดเท่านั้น เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งพวกเขาจบเลกแรกด้วยการยิงประตูคู่แข่งไปถึง 39 ประตู 

ส่วนกองหน้าตัวความหวังของพวกเขาอย่าง ลอนซาน่า ดูมบูย่า ก็มีปัญหาบาดเจ็บและยิงประตูได้น้อยเพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้น 

ด้าน โกรัน เคาซิซ ที่เคยยิงเป็นกอบเป็นกำ เครื่องไม่ร้อนเหมือนฤดูกาลที่แล้ว ยิงไปแค่ 4 ประตูในเลกแรก ทำให้ภาระการทำประตูตกไปอยู่ที่ ศุภชัย ใจเด็ด ซึ่งกว่าที่ “เจ้าอาร์ม” จะยิงประตูได้ต่อเนื่องก็เลยครึ่งเลกแรกมาแล้ว 

แต่การมาของ “บิสโซลี” ทำให้ปัญหาถูกกำจัดออกไป เพราะทีมได้มีหน่วยล่าสังหารประตูตัวจริงเสียงจริงอยู่ในทีมเสียที จนสถิติยิงประตู 5 นัดยิงไป 19 ประตู 

การทำผลงานร้อนแรงของ บิสโซลี แน่นอนว่าต้องยกเครดิตให้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ อดีตดาวยิงระดับตำนานไทยลีก และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แขวนสตั๊ดและกลายมาเป็นเอเย่นต์นักเตะ 

โดย ดิโอโก้ ได้ชี้เป้า บิสโซลี ให้ "ปราสาทสายฟ้า" กระชากตัวไปล่าตาข่าย ซึ่ง บิสโซลี ไม่ทำให้ ดิโอโก้ และสาวก "ปราสาทสายฟ้า" ผิดหวัง เมื่อยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง 

จุดเด่นของ บิสโซลี คือเป็นนักเตะที่หาพื้นที่ได้เก่ง และเต็มไปด้วยวิญญาณเพชรฆาตในกรอบเขตโทษ ไม่แปลกที่จะยิงไปถึง 10 ประตู จนได้ลุ้นดาวซัลโวไทยลีก เรียกว่ามาทีหลังดังกว่าก็ได้ เพราะในเลก 2 ไม่มีใครยิงประตูได้เยอะกว่าเขาอีกแล้ว 

หากรักษาฟอร์มแบบนี้เขาอาจจะยิงทะลุ 20 ตุงก็ได้ ยิ่ง บิสโซลี ฟอร์มโหดยิงต่อเนื่องแบบนี้ แชมป์ไทยลีก คงไม่กระเด็นหนีจากถิ่น ช้าง อารีน่า แน่นอน 

เมื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ติดเครื่อง เครื่องร้อนแล้ว ยากเหลือเกินที่คู่แข่งจะตามทัน ส่วน บิสโซลี จะยิงได้มากแค่ไหนน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

ว่าแล้วก็อิจฉาแฟนบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะทีมไม่เคยขาดแคลนยอดกองหน้าจริงๆ