:::     :::

คุยกับคุณพ่อ "ยิม วรชิต" : ชีวิตลูกผมเปลี่ยนไปเพราะชลบุรี

วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
4,650
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วงการลูกหนังไทยยุคนี้มีนักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์สูงหลายคน หนึ่งในนั้นที่หลายคนนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ คงมีชื่อของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ห้องเครื่อง ชลบุรี เอฟซี อยู่ด้วยแน่นอน ล่าสุดผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ พี่เอนก คุณพ่อของ "เจ้ายิม" และได้มุมมองที่น่าสนใจมากมายทั้งเรื่องชีวิตความเป็นมาจนกระทั่งเติบโตเป็นนักเตะที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย ณ ตอนนี้

แมน : สวัสดีครับพี่เอนก คุณพ่อของน้องยิมหรอครับ (พี่เอนกแอดเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊คผมมาและทักข้อความมาขอบคุณที่ผมตอบรับเพื่อน)

พี่เอนก : ครับ ผมเพิ่งหัดเล่นไม่นาน ถ้าอ่านช้าต้องขอโทษด้วยนะครับ

แมน : ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่

พี่เอนก : ครับ ติดตามรายการอยู่บ้างครับ

แมน : อาการบาดเจ็บน้องเป็นยังไงบ้างครับ เสียดายเลยไม่ได้ไปอุ่นเครื่องที่อินโดเลย

พี่เอนก : เอ็นไขว้เข่าด้านหน้ายืดครับ ไม่หนักเท่าไหร่ เหมือนได้พักด้วยครับ

แมน : แต่มองอีกแง่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องให้เขารู้ทาง เดี๋ยวเจอเล่นหนักใส่จะยิ่งเจ็บ เห็นพี่โย่งบอกว่าอยากให้พวกที่ไม่ได้เล่นซีเกมส์ลองลงบ้าง จะได้รู้ว่าเล่นระดับชาติได้มั้ย ผมเคยคุยกับน้องยิมอยู่บ้างนานๆ ทีครับพี่

พี่เอนก : ครับ ยิมจะคุยไม่เก่งเท่าไหร่ บางทีอาจใช้คำพูดไม่เหมาะ ต้องขอโทษด้วยครับ ยิมเขาคิดยังไงก็พูดเลย

แมน : นึกภาพออกครับ น้องจะห้วนๆ หน่อย แต่ก็จริงใจดีครับ 

พี่เอนก : ใช่เลยครับ พูดไม่ค่อยเพราะ

แมน : ไหนๆ ไดุ้คุยกับพี่แล้ว ผมอยากสัมภาษณ์พี่ทำเป็นคอลัมน์เลยดีกว่า ประมาณว่ากว่าจะมาเป็นยิม วรชิต อะไรประมาณนี้ครับ เหมือนอย่างที่เคยสัมฯพ่อมุ้ย, พ่อเจ หรือพ่ออินซ์ เชาว์วัฒน์

พี่เอนก : พ่อชอบอยู่เบื้องหลังมากกว่า อยากให้เขาประสบความสำเร็จมากกว่านี้ก่อนดีกว่า จะได้คุยกับทั้งเขาแล้วก็แม่เขาด้วยเลย เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะอยู่ พ่อใจเย็นรอได้อยู่ครับ รอให้ถึงเวลาของเขาก่อน

แมน : ถึงตอนนั้นผมคงต้องขอรบกวนพี่อีกแน่ๆ ครับ วันนี้ถ้าสะดวกก็อาจจะคุยเรื่องทั่วๆ ไปก่อนก็ได้ครับ

พี่เอนก : อ๋อ ได้ครับ

แมน : ปีนี้ผมว่ายิมดีสุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยนะครับ เริ่มมีความมั่นใจ เอเชียนเกมส์ครั้งนี้น่าจะแจ้งเกิดได้ แต่จริงๆ ผมอยากให้มีตัวอายุเกินไปประคองบ้าง โดยเฉพาะกองหลังกับหน้าเป้า เพราะรุ่นนี้จะได้เปรียบเสียเปรียบกันตรงตัวโควตา 3 คนนี่แหละ

พี่เอนก : ใช่ครับ แต่ก็คงต้องแล้วแต่โค้ชครับ

แมน : อีกสัก 2-3 ปี ยิมน่าจะเป็นตัวหลักทีมชาติไทยได้นะครับ ถ้าฟอร์มสม่ำเสมอกับ ชลบุรี แล้วก็ถ้าเอเชียนเกมส์ฟอร์มยกระดับขึ้นมา กล้ายิงเหมือนตอนอยู่ชลบุรีจะแจ่มมาก พี่เฮง (วิทยา เลาหกุล) เคยบ่นให้ฟังอยู่ว่า ยิมแต่ก่อนไม่ค่อยกล้ายิงเอง เดี๋ยวนี้พอมีแจ๊บ (สหรัฐ สนธิสวัสดิ์) กับ บาส (เสฎฐวุฒิ วงศ์สาย) มาเล่นด้วยกัน ก็กล้าเล่นขึ้นเยอะ แต่ก่อนไม่ค่อยกล้าขอบอลจากรุ่นพี่ พอทำเสียแล้วชอบติดขอโทษ แต่พอเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันจะเป็นอีกคน

คู่หูฉลามชล ยิม วรชิต และ แจ๊บ สหรัฐ

พี่เอนก : ยิมเขาเหมาะกับระบบทีมเวิร์ค ไม่สามารถทำเองได้ ต้องมีคู่เล่น ต้องมีบัดดี้

แมน : ขอถามย้อนกลับไปหน่อยนะครับ ยิมเริ่มมีแววเรื่องฟุตบอลตอนไหน แล้วเข้ามาที่ชลบุรีได้ยังไง มาคัดตัวหรือว่ามีแมวมองไปดึงมาครับ 

พี่เอนก : แต่ก่อนตอนเด็กๆ เขาอยู่ที่เชียงใหม่ครับ เขาเจอกับ อินซ์ เชาว์วัฒน์ ตั้งแต่เด็กอยู่คนละโรงเรียนกัน ก็เป็นตัวเด่นของรุ่นตั้งแต่ตอนนั้นมาด้วยกันกับอินซ์ จริงๆ เขามีแววตั้งแต่เล็กเลยนะ ที่บ้านจะมีสนามฟุตบอลเล็กๆ อยู่ พ่อก็เริ่มสอนเขาเองให้เขาอยู่กับลูกฟุตบอลตลอด 

แมน : คล้ายๆ พี่จุ้ง คุณพ่อของ เจ ชนาธิป มั้ยพี่ นั่นเขาก็สอนเองมาตั้งแต่เล็ก จะออกแนวโหดๆ หน่อย

พี่เอนก : ของพี่จะไม่ได้ดุหรือไปเคี่ยวเข็นอะไรเขาขนาดนั้นครับ เพราะเขาเองก็ชอบเล่นฟุตบอลด้วย

แมน : ที่บ้านตั้งกฎเกณฑ์อะไรให้ยิมมั้ยครับ ลูกชายนี่น่าห่วงแค่ไม่กี่เรื่อง อย่างบ้านผมนี่ห้ามขี่มอเตอร์ไซค์เลย เพราะกลัวช่วงวัยรุ่นจะห้าว เอาออกไปซิ่งแล้วไปชนไปล้ม 

พี่เอนก : ใช่ครับ ผู้หญิงน่าห่วงมากกว่า ที่บ้านผมไม่ให้ยิมขับมอเตอร์ไซค์ แต่ผมต้องขับไปทำงานครับ เพิ่งหยุดขับตอนต้นปีนี้เองครับ

แมน : อ๋อครับ ผมแค่จะไปขยับมอเตอร์ไซค์ที่จอดขวางโรงจอดรถ ยังโดนด่าเลยครับ 555 คือห้ามแตะเลย แต่ก็มีแอบขี่ตอนอยู่กับเพื่อนอยู่ดี อย่างน้อยที่บ้านห้ามไว้ก็ช่วยได้ระดับนึง ว่าแต่คุณพ่อเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อนหรือเปล่าครับ

พี่เอนก : เคยแค่เตะเล่นๆ ระดับโรงเรียนไม่ได้เป็นระดับสูงอะไรหรอกครับ

แมน : ทางบ้านยิมเป็นคนเชียงใหม่หรอครับ เห็นว่ายิมมีพี่ชายอีกคนด้วย เคยเล่นฟุตบอลหรือเปล่าครับ

พี่เอนก : ทางบ้านเดิมผมจะอยู่ที่อุทัยธานี คุณแม่เขาเป็นคนเชียงรายครับ แต่ผมไปอยู่กันที่เชียงใหม่ ยิมก็เกิดทื่นั่น แต่เพราะเรื่องฟุตบอลนี่แหละ ผมก็เลยพายิมเข้ามาที่กรุงเทพฯ มาแข่งฟุตบอลแล้วก็มาคัดเข้าทีมชลบุรี แต่คัดตอนแรกยังไม่ติดนะ มาติดเอาตอนหลังแล้วก็อยู่ยาวมาจนถึงตอนนี้ ยิมกับพี่จะเกิดห่างกันค่อนข้างเยอะ พี่เขาไม่ได้เล่นฟุตบอลครับ

แมน : พี่เฮงเคยพูดว่า ยิม คือนักเตะอัจฉริยะ แต่ติดในเรื่องความกระตือรือล้นและยังไม่มีการตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง

พี่เอนก : จริงๆ เขาก็พยายามอยู่นะครับ แต่ด้วยบุคลิกของเขาอาจจะทำให้คนคิดอย่างนั้น เขาอาจจะติดชอบเล่นเกมรุกกว่าเกมรับ แต่พอได้รับคำแนะนำจากโค้ชเขาก็พยายามปรับปรุง ถ้าเป็นโค้ชฝรั่งนี่ยิมลำบากเลย เพราะพวกโค้ชฝรั่งเขาจะชอบนักเตะที่แอคทีฟ วิ่งเยอะๆ 

แมน : แล้วก็เรื่องนิสัยขี้เกรงใจ เวลาเล่นกับรุ่นพี่จะไม่กล้าขอบอล ไม่กล้าเข้าบอลหนักๆ ใส่

พี่เอนก : ทางบ้านเราเป็นคนอย่างนั้นกันอยู่แล้วครับ คือจะไม่ค่อยอะไรกับใคร ถ่อมเนื้อถ่อมตน ยิมเขาก็มีนิสัยแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องฟุตบอลนี่ ยิมก็เป็นนักเตะที่เหลี่ยมจัดคนหนึ่งเลยครับ

แมน : การมาอยู่ที่ชลบุรี ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้างครับ

พี่เอนก : ถือเป็นการทำให้ชีวิตการเป็นนักฟุตบอลเขาเปลี่ยนไปเลยนะ ในครอบครัวก็เหมือนกัน เราก็จะคอยตามไปดูเขาแข่งตลอด มีช่วงนี้แหละที่อาจจะไม่ได้ตามไปดูเท่าไหร่ เพราะผมต้องคอยมาูดูแลคุณพ่อผมที่อุทัยฯ ทางบ้านเราจะสลับกันมาดู ตอนนี้ก็เป็นคิวผม มาอยู่ตรงนี้ 2 ปีได้แล้วครับ

แมน : แล้วเอเชียนเกมส์ที่อินโดนีเซีย พี่จะตามไปเชียร์ยิมมั้ย

พี่เอนก : ยังไม่แน่ใจนะ แต่ถ้าที่จีนก็ไม่ได้ไป (ยู-22 ชิงแชมป์เอเชีย เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา) ต้องดูก่อนว่าจะไปได้มั้ยครับ

แมน : พ่อเคยแนะนำยิมให้พยายามปรับปรุงอะไรเพิ่มมั้ยครับ 

พี่เอนก : ก็บอกให้เขาซ้อมพิเศษนอกเหนือจากที่ซ้อมปกติกับสโมสรบ้าง แล้วก็เรื่องกล้ามเนื้อ ที่บ้านพ่อก็ทำที่ออกกำลังกายให้ แต่เขากลับมาก็ไม่ได้ทำเท่าไหร่

แมน : อาจจะเหนื่อยจากสโมสรมาแล้วล่ะมั้งครับ เพราะที่สโมสรก็คงให้เขาเข้าคอร์สอยู่แล้ว

พี่เอนก : น่าจะใช่ครับ

แมน : ยิมเคยไปทดสอบฝีเท้าที่ญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ผ่าน ถูกวิจารณ์แรงๆ ว่าขาดความกระตือรือล้น คุณพ่อและตัวยิมเองรู้สึกว่ามันเฟลมั้ย และคิดที่จะไปลองอีกมั้ยครับ

พี่เอนก : จริงๆ ผมไม่ได้คาดหวังกับการไปทดสอบที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพราะผมคิดว่าตอนนี้ระดับฝีเท้าของยิมยังไม่ถึงจริงๆ และตอนที่ไปก็ไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย คือทางสโมสรเขาคุยกันแล้วก็บอกให้ยิมไปทดสอบ ยิมเขาไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าจะต้องไป

เมื่อครั้งไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรที่ญี่ปุ่น

แมน : คำถามนี้ผมเคยถามยิมแล้ว เขาบอกว่าจะไม่ไปทดสอบอีกแล้ว แต่จะขอเล่นเป็นตัวหลักให้ชลบุรี และหวังว่าจะก้าวขึ้นไปเล่นให้ีทีมชาติไทย ทำผลงานให้ดีจนทีมจากญี่ปุ่นมาขอซื้อเขาไปเอง เพราะเขาจะไปอยู่กับทีมที่อยากได้เขาจริงๆ ไม่ใช่ไปเพื่อการตลาดหรือไปทดสอบฝีเท้าอีกแล้ว

พี่เอนก : สำหรับยิมก็คงต้องเป็นแบบนั้นครับ 

แมน : พี่เอนกได้คุยกับพี่เฮงบ่อยมั้ยครับ แกเป็นโค้ชที่ดุมั้ยสำหรับเด็กๆ ที่ชลบุรี กับยิมเองโดนเคี่ยวเข็ญขนาดไหน 

พี่เอนก : ไม่ค่อยได้คุยนะครับ เขาจะคุยกับเด็กๆ มากกว่า ปกติแกก็ไม่ดุนะ แกจะดุเวลาคุมทีม ยิ่งถ้าทำได้ไม่ดีบางทีด่าจนเด็กร้องให้ก็มี ช่วงที่แกอยู่กับชลบุรีก็ถือว่าเป็นช่วงที่ทีมมีนักเตะดีๆ เกิดขึ้นมาหลายคน อย่างตอนที่แกไปคุมทีมที่ญี่ปุ่น ก็เหมือนหยุดไปเลย เด็กของชลบุรีทิ้งช่วงหายไปอยู่พักหนึ่ง จนมารุ่นของยิมนี่ล่ะครับ ตอนที่แกกลับมาแล้ว 

แมน : อ๋อผมนึกออกอยู่ครับ จะมีรุ่นของพวก ก้อง เกริกฤทธิ์, นูรูล, ชนินทร์ฺ แล้วก็หายไปพักใหญ่ จนมาเป็นรุ่นของ ยิม, แจ๊บ แล้วก็ต่อมาที่รุ่นของย้า (สิทธิโชค ภาโส) เห็นแกเคยบ่นเรื่องวินัยของเด็กอะคาเดมี่ชลบุรีว่าหย่อนยานเกินไป พี่เอนกพอทราบมั้ยครับ แล้วกับรุ่นของยิมล่ะมีปัญหาพวกนี้มั้ย

พี่เอนก : รุ่นก่อนหน้าจนถึงรุ่นยิมไม่ค่อยมีปัญหาเลยนะ ส่วนใหญ่เด็กเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย จะมามีรุ่นเกิดปี 42,43 นี่ล่ะ ที่ดูจะมีปัญหาเยอะหน่อย

ยิมและย้า ผลผลิตจากอะคาเดมี่ที่โค้ชเฮงภาคภูมิใจ

แมน : พี่เฮงเคยเล่าให้ผมฟังว่า เวลาจะคัดเด็กเข้าอะคาเดมี่ แกจะดูก่อนว่าพ่อแม่เด็กนิสัยใจคอเป็นยังไง ส่วนสูงเท่าไหร่ ดูแลลูกยังไง แกดูอะไรละเอียดขนาดนั้นเลยหรอพี่

พี่เอนก : ก็ไม่ขนาดนั้นนะ (หัวเราะ) กับคนอื่นไม่รู้สิ แต่จริงๆ พ่อแม่ก็มีส่วนมากๆ ที่จะทำให้ลูกประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬา อย่างผมกับแม่ิยิมก็คอยตามไปดูเขาตลอดทั้งตอนซ้อมและแข่ง 

แมน : แกว่าถ้าใครย้อมสีผมหรือใส่สตั๊ดหลากสีที่ไม่ใช่ขาวหรือ แกไล่กลับไปเปลี่ยนเลย

พี่เอนก : จริงๆ เดี๋ยวนี้ก็ต้องยอมรับแหละครับว่าแฟชั่นกีฬามันเปลี่ยนไปเยอะ อย่างยิมเองยังเคยย้อมผมทองทั้งหัวมาแล้วนะ แต่ทำอยู่แค่แป๊บเดียวก็ไปย้อมกลับ แต่ในเรื่องวินัยเขาก็ไม่เคยมีปัญหานะ

แมน : อืมจริงพี่ ถ้าทำแล้วกลายเป็นคาแร็คเตอร์มันก็เอามาเป็นจุดขายได้เหมือนกันนะ เดี๋ยวนี้มันเป็นการตลาดไปหมดแล้ว แต่พี่เฮงคงอยากจะให้เด็กมีวินัยในการอยู่ร่วมกัน ไม่ทำตัวเป็นสตาร์หรือหรูหราเกินวัย

พี่เอนก : ใช่ครับ  

แมน : เมื่อซัก 2 ปีที่แล้ว ยิมโดนเล่นข่าวว่าชอบเที่ยวกลางคืน มีคนไปเห็นว่านั่งอยู่ในร้านหลังแข่งหลังซ้อม แต่ผมทราบมาว่ายิมเป็นคนที่ไม่ดื่มเลย แล้วที่ไปนั่งก็คืออยู่ในแก๊งไนกี้ ของคุณบอล ศศิศ (ลูกชายคุณอรรณพ สิงห์โตทอง) ที่มีพวก ตังค์ สารัช, ประกิต ดีพร้อม, ก้อง เกริกฤทธิ์ อยู่ด้วย ที่เขาจะนัดทานอาหารกันเป็นประจำอยู่แล้ว จริงๆ แล้วเรื่องเป็นยังไงครับ

พี่เอนก : อ๋อ ตอนนั้นเพราะฟอร์มเขาไม่ดีด้วย ก็เลยพยายามโยงหาสาเหตุ แล้วยิมเป็นคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เอาจริงๆ ในกลุ่มนี้ยิมเขาไปอยู่ที่บ้านคุณบอลตั้งแต่อายุ 11-12 เลยนะ 

แมน : ผมได้ยินมาว่าร้านนั้นมาม่าผัดอร่อย ก้อง เกริกฤทธิ์ นี่ลูกค้าประจำเลยนี่พี่ 555

พี่เอนก : บ้านของก้องก็อยู่แถวๆ ร้านนั้น พอซ้อมหรือแข่งเสร็จเขาก็จะไปทานอาหารและนั่งคุยกันที่ร้านนั้นประจำอยู่แล้ว ยิมเองก็ติดไปกับเขาด้วย เวลาเข้าไปก็เข้าทางข้างหลังร้านไม่ได้ไปเที่ยวอะไรอย่างนั้น แต่พอมีคนไปเห็นก็ลือกันไปว่าดื่มเที่ยว

ส่วนหนึ่งของแก๊งไนกี้ กลุ่มของคุณบอล ศศิศ สิงห์โตทอง (คนซ้ายสุด)

แมน : พอเห็นยิมมีแววตั้งแต่เล็กๆ คุณพ่อเคยมีความฝันอยากให้ยิมไปเล่นต่างประเทศมั้ย

พี่เอนก : แน่นอนอยู่แล้วครับ จริงๆ ก็เคยฝันอยากให้เขาไประดับยุโรป เขาเองก็อยากไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ลีกมีคุณภาพสูงๆ จะเป็นที่ญี่ปุ่นก็ได้ ยิมเขามีต้นทุนดี คือมีพรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก แต่เขายังต้องพัฒนาอีกเยอะมาก

แมน : ปีนี้ยิมทำไปแล้ว 7 ประตู กลายเป็นตัวหลักของชลบุรี และเริ่มมีกระแสเรียกร้องให้ดันเขาขึ้นทีมชาติชุดใหญ่ คุณพ่อมองว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขายกระดับตัวเองขึ้นมาได้เร็วขนาดนี้

พี่เอนก : ปีนี้เป็นปีที่ดีของเขาจริงๆ น่ะแหละ เพราะผลงานก็ดีขึ้นด้วย แล้วก็เพิ่งได้สัญญาใหม่ ทางชลบุรีปรับเงินเดือนขึ้นให้ด้วย   ปีที่แล้วเขาก็ได้ลงเล่นอยู่บ้างนะ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงครึ่งหลัง แล้วช่วงท้ายฤดูกาลก็ได้ลงบ่อยขึ้น ตอนน้าเทิด (เทิดศักดิ์) คุม เขาอาจจะอยากให้ยิมช่วยเกมรับมากหน่อย และเขาก็เพิ่งขึ้นชั้นมาจากเยาวชนได้ไม่นาน ยังติดเกรงใจพี่ๆ อยู่เยอะ พอมาปีนี้ได้ลงบ่อยขึ้น แล้วมีเพื่อนรุ่นเดียวกันลงเล่นด้วยกัน เขาก็คงจะมีความมั่นใจมากขึ้นครับ อย่างที่บอกว่าสไตล์เขาต้องมีคนช่วย ถ้าตัวคนเดียวเขาจะทำอะไรได้ไม่มาก 

แมน : ก็คือยิมต้องการนักเตะมาคอยสนับสนุนการเล่น ผมนึกถึงตอนยิมเล่นยู-19 เลย ตอนนั้นยิมจะเข้าขากับ โก้ (สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ) และ นนท์ (อานนท์ อมรเลิศศักดิ์) มากๆ แต่พอชุดซีเกมส์ เล่นกับพวก เชค (สุภโชค สารชาติ), เคน (พิชา อุทรา), อินซ์ (เชาว์ัวัฒน์ วีระชาติ) กลับดูไม่เข้ากันเท่าไหร่ หรือเพราะแท็กติกของโค้ชด้วยมั้ยครับ

สมัยสวมปลอกแขนกัปตันทีมช้างศึกยู-19

พี่เอนก : น่าจะเป็นที่แท็กติกด้วยครับ เพราะตอนยู-19 จะเน้นเกมรุกเยอะ ยิมเขามีโอกาสทำเกมรุกไม่ต้องช่วยเกมรับมาก แต่ตอนซีเกมส์ จะเน้นเกมรับแล้วโต้กลับ กองกลางต้องเคลื่อนที่เยอะๆ ก็เลยอาจจะเป็นสไตล์ที่เขาไม่ถนัดนัก

แมน : คือมีการพูดกันว่านักเตะไทยในไทยลีกดูเก่งเพราะมีตัวต่างชาติคอยประคอง อย่างบุรีรัมย์ มีดิโอโก้, ตูเนซ แต่ชลบุรีเองผมกลับมองว่า ยิม กับ ก้อง นี่แบกทีมยิ่งกว่าตัวต่างชาติซะอีกนะ 555 ผมก็เลยมองว่าถ้ายิมกล้าเล่นแบบนี้ในทีมชาติคงจะดีไม่น้อยเลย อนาคตรุ่นยิม พอขึ้นมาเป็นทีมชาติชุดใหญ่ น่าจะฝากความหวังกับการไปฟุตบอลโลกพอไหวมั้ยครับ พอยิมซัก 26-27 เจ ชนาธิป ก็ประมาณ 30 น่าจะเป็นชุดที่แข็งแกร่งเลยทีเดียว

พี่เอนก : ครับ ก็คงต้องรอเวลาของเขา แต่กับทีมชาติชุดใหญ่ตอนนี้ผมว่ายิมเขายังไม่ถึงนะ เขายังต้องปรับปรุงอีกเยอะในหลายๆ เรื่อง เห็นว่าลูกชายป่วยเข้าโรงพยาบาล ขอให้ลูกชายหายเร็วๆ นะครับ เข้าใจความรู้สึกเวลาลูกป่วยครับ

แมน : ขอบคุณครับพี่ ป่วยหนักปีละครั้งเลยครับเจ้าคนโต ยิมเคยป่วยอะไรหนักๆ บ้างมั้ยครับ

พี่เอนก : เป็นเรื่องปกติของเด็กครับ ยิมหนักสุดก็เป็นไข้เลือดออกแต่เป็นตอนโตแล้วดีว่าไม่หนักมาก

แมน : โอเคครับ ขอบคุณมากครับพี่ ไว้ครั้งหน้าคงต้องรบกวนอีกแน่ๆ ครับ

พี่เอนก : ได้ครับ ขอบคุณมากครับ 


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ฺด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด