คงเป็นที่ทราบโดยทั่วกันแล้วว่า ฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2018 จะปรับโควตาผู้เล่นต่างชาติให้เป็น 3+1+1 ตั้งแต่ T1 จนถึง T3 โดยแบ่งเป็นผู้เล่นต่างชาติ 3 คน+เอเชีย 1 คนและ อาเซียน 1 คน แต่ T1 จะต่างจากลีกรองลงไปคือ ลงทะเบียนได้เต็มที่ 5 คนตามโควตา ทว่าส่งลงเล่นแต่ละเกมได้เพียง 4 คนเท่านั้น คือต่างชาติ 3 และอีกหนึ่งคนต้องเลือกเอาว่าจะใช้เอเชียหรืออาเซียน ขณะที่ T2 และ T3 สามารถส่งลงเล่นได้เต็มจำนวน 5 คน  ซึ่งไทยลีกก็วางแผนจะปรับมาให้ใช้เต็มโควตาในปี 2019 ต่อไป

     มองเผินๆ อาจงงว่าแล้วทำไมไม่ปรับให้เหมือนๆ กันไปเลยล่ะจะได้ไม่สับสน ผมมองอย่างนี้ว่าเป็นอุบายที่แยบยลของฝ่ายจัดการแข่งขันที่มองว่าหากไม่ใช้วิธีนี้ ฤดูกาลใหม่ก็คงจะมีหลายทีมที่มองข้ามโควตาอาเซียนไป แต่ด้วยความที่ลีกเหลือแค่ 16 ทีมแถมตัดตกชั้นถึง 5 ทีม การมีนักเตะต่างชาติลงสนามได้แค่เกมละ 4 คนโดยไม่มีตัวสแตนด์บายอาจจะเสียโอกาสไปโดยใช่เหตุ จากนี้ไปฤดูกาลใหม่ ทีมส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้เล่นต่างชาติแบกทีมแล้ว ตรงกันข้ามผู้เล่นไทยของแต่ละทีมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งโควตาอาเซียนจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่มองไม่ได้ อยู่ที่นโยบายของแต่ละทีมว่าต้องการอะไรจากโควตานี้ จะเอาผู้เล่นที่มีศักยภาพในสนาม หรือสร้างฐานแฟนคลับเพื่อนบ้านเพื่อการตลาด AEC นี่คือสิ่งที่ต้องวางแผนให้ละเอียด

     นั่นทำให้ผู้เล่นอาเซียนที่มีระดับกลายเป็นสินค้าระดับแรร์ไอเท็มของบ้านเรา หรืออาจจะรวมถึงลีกมาเลเซียที่เปิดหน้ารุกแย่งตัวดาวดังอาเซียนแข่งกับไทยอย่างชัดเจน และวันนี้ผมขอนำเสนอผู้เล่นอาเซียน ที่มีความน่าสนใจ ทีมในไทยลีกอาจลองพิจารณาคว้าตัวมาประดับโควตากันดู นี่ไม่ใช่การจัดอันดับ ผมนึกชื่อใครได้ก็เขียนถึงคนนั้น 

ฮัสซัน ซันนี่ ผู้รักษาประตู (สิงคโปร์)

     ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาแฟนฟุตบอลไทยกันอยู่แล้ว เพราะเคยฝากฝีมือเอาไว้สมัยเฝ้าเสาให้ อาร์มี่ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2015-2016 ลีลาการเซฟเป็นที่ยอมรับของทั้งเพื่อนร่วมทีม, โค้ช, คู่แข่ง และแฟนบอลว่าฝีมือของเขาไม่เป็นสองรองใครในอาเซียน เปรียบได้ขำๆ ว่าหากไทยมี "กวินทร์บินได้" สิงคโปร์ ก็มี "ซันนี่ ขี่พายุทะลุฟ้า" ว่าเข้านั่น และด้วยดีกรีที่เคยถูกสื่อดังอย่างฟ็อกซ์สปอร์ต ยกย่องว่าเป็นนายประตูที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของเอเชีย ถึงขั้นที่ว่าสามารถไปค้าแข้งในยุโรปได้ หากทีมไหนมีปัญหาตำแหน่งนายด่านสุดท้าย ก็อาจลองนึกถึงผู้ชายคนนี้ดูหน่อยเป็นไง

ฮาริส ฮารุน กองกลาง (สิงคโปร์)

     มิดฟิลด์พันธุ์ดุเล่นสไตล์บู๊ล้างผลาญ และเคยถูกจับไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟบ้างในบางครั้ง เล่นถ้วยเอเชียมาแล้วทั้ง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และเป็นสมาชิกแชมป์ เอเอฟซี คัพ ปี 2015 กับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ทีมมหาเศรษฐีของมาเลเซีย ผ่านประสบการณ์ติดทีมชาติไปแล้ว 77 นัด ทั้งที่อายุเพียง 27 ปี แถมเคยติดทีมชาติชุดใหญ่มาตั้งแต่วัยกระเตาะแค่ 17 ขวบ ปัจจุบันยังคงสังกัดสโมสร ยะโฮร์  แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาถูกปล่อยกลับไปให้ โฮม ยูไนเต็ด ในลีกบ้านเกิดยืมใช้งาน แม้จะเล่นตำแหน่งตัวตัดเกมแต่ก็มีทีเด็ดที่ลูกยิงไกลหวังพึ่งพาได้ทีเดียว ไม่กี่ปีก่อน แบร์นด์ สตังเก้ กุนซือชื่อดังชาวเยอรมันยังเคยยกย่องว่า เจ้าตัวควรจะมีโอกาสได้ค้าแข้งในลีกระดับท็อปของยุโรป โดยเฉพาะ บุนเดสลีกา เยอรมัน 

ออสวัลโด้ อาร์ดิเลส เฮย์ ปีกซ้าย (อินโดนีเซีย)

     ปีกความเร็วจัดผู้มีชื่อเหมือนกับตำนานกองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่า อดีตกุนซือ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ แต่กลับมี เอเดน อาซาร์ เป็นไอดอลในการค้าแข้งแถมเชียร์ทีมเชลซี ถ้าแฟนบอลจำแมตช์แรกของ ซีเกมส์ 2017 ที่ไทย เสมอกับ อินโดนีเซีย 1-1 ปีกซ้ายคนนี้แหละที่เลี้ยงผ่านตลอด ฉีกกองหลังทีมชาติไทยขาดยุ่ยครั้งแล้วครั้งเล่า และเป็นคนเรียกจุดโทษจาก วรวุฒิ นามเวช ได้สำเร็จ ทั้งความเร็ว, ทักษะการเลี้ยง, การผ่านบอล ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ กับต้นสังกัดอย่าง เปอร์ซิปุระ จายาปุระ เจ้าตัวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริง ทั้งที่เพิ่งอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น และประเดิมติดทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกไปแล้วด้วยในปีนี้

เอกี้ เมาลาน่า วิกรี้ กองกลาง,กองหน้า (อินโดนีเซีย)

     เจ้าของฉายา "เมสซี่อินโด" คนนี้คือวันเดอร์คิดตัวจริงเสียงจริงของวงการฟุตบอลแดนอิเหนา ในอายุเพียง 17 ปีแต่กลับสร้างชื่อโด่งดังข้ามทวีปไปไกลถึงยุโรป หลังร่วมทีม ยู19 ของอินโดนีเซีย ไปร่วมศึก ตูลง ทัวร์นาเม้นต์้ที่ฝรั่งเศส แม้ทีมจะมีผลงานแพ้ 3 นัดรวด (บราซิล 0-1, เช็ก 0-2, สกอตแลนด์ 1-2) แต่ผลงานส่วนตัวยอดเยี่ยมจนคว้าตำแหน่ง Breakthrough Player หรือผู้เล่นพัฒนาการยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์ติดมือกลับมา จากนั้นก็ต่อยอดด้วยการทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในทีมชาติ ด้วยลีลาการเลี้ยงบอลตะลุยเข้าใส่แนวรับคู่ต่อสู้ บวกกับความเร็วที่ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าคล้าย เนย์มาร์ มากกว่า เมสซี่  "เอกี้" ไม่ใช่ดังแค่ระดับอาเซียน แต่เคยได้รับการจับตามองจาก เอสปันญอล ที่มีข่าวว่าสนเทียบเชิญไปทดสอบฝีเท้า เพราะเคยคว้าตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ในเกมอุ่นเครื่องกับทีม เอสปันญอล เบ มาแล้ว

จเริง พลรธ กองกลาง (กัมพูชา)

     กองกลางที่มีเอกลักษณ์ประจำตัวโดดเด่นเพราะชอบที่จะใส่ผ้าคาดหัวลงเล่นทุกครั้งไม่ว่าจะกับสโมสรกระทรวงกลาโหม ของกัมพูชาหรือรับใช้ทีมชาติก็ตาม จุดเด่นคือการครองบอลที่เหนียวแน่น มีความสามารถในการเล่นบทบาทได้ทั้งตัวโฮลด์บอล หรือตัวรุก แม้อายุเพียง 20 ปีแต่ก็ติดทีมชาติไปแล้ว 23 นัด ยิงได้ 2 ประตู เครื่องหมายการค้าอีกอย่างของ เจริง คือลูกยิงไกล และการเปิดบอลสั้น-ยาว ช่วงรับใช้ทีมชาติในซีเกมส์ 2017 "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิคของทีมชาติไทย ยังอดไม่ได้ ถึงกับเข้าไปติดต่อทาบทามไว้เบื้องต้นด้วยตัวเอง ซึ่ง "โค้ชเฮง" เปิดเผยกับ THSPORT ว่านักเตะคนนี้คือหนึ่งในเป้าหมายโควตาอาเซียนของ ชลบุรี เอฟซี และออกปากชื่นชมเป็นพิเศษด้วยว่า "หมอนี่เก่งมาก"

ประ มุนี อุดม กองกลาง (กัมพูชา)

     โด่งดังแพ็คคู่กันมากับ จัน วัฒนากา เคยยิงฟรีคิกสุดสวยให้กัมพูชาขึ้นนำทีมชาติไทยในเกมฟุตบอลยู23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก เมื่อปี 2015 ถึงถิ่นราชมังคลากีฬาสถาน จุดแข็งคือลูกนิ่งทุกรูปแบบ ยิงได้ลุ้นทุกระยะ แถมมีทักษะการครองบอลที่ใครก็แย่งจากเท้าเขาไม่ได้ง่ายๆ บางครั้งกับสโมสรมักจะถูกจับไปยืนตัวริมเส้น เพราะลูกครอสจากด้านข้างหวังผลได้ดี และแม้จะเพิ่งอายุเพียง 23 ปี เจ้าตัวก็ยึดปลอกแขนกัปตันทีม เปรี๊ยะห์ คาน รีช สวาย เรียง ต้นสังกัดปัจจุบันที่ชื่อโคตรยาวได้แล้ว ถือเป็นสตาร์เพื่อนบ้านอีกคนที่น่าสนใจทั้งในเรื่องศักยภาพฝีเท้า  และเพิ่มฐานแฟนคลับแรงงานชาวเขมรในเมืองไทยอีกด้วย

ธานาบาลัน นาดาราชาห์ ปีกขวา, กองหน้า (มาเลเซีย)

     จำได้มั้ย ปีกขวาของเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งล่าสุด คนที่หน้าแก่ๆ ไง ใช่คนนั้นแหละ อาจจะสร้างความหมั่นไส้ให้แฟนบอลไทยไว้ไม่น้อย เพราะเคยวิจารณ์ว่าทีมชาติไทยไม่สมควรเป็นแชมป์ เพราะได้ประตูจากโชคช่วยและเอาแต่อุดทั้งเกมก็เถอะ แต่หากพูดในเรื่องฝีเท้าไม่เอาหน้าตามารบกวนจิตใจ เจ้าของดีกรีดาวซัลโวสูงสุดของซีเกมส์ 4 ประตูร่วมกับ อ่อง ธู ของเมียนมา และ เหวียน คง เฝือง จากเวียดนาม ก็ถือได้ว่าน่าลงทุน ยิ่งไปกว่านั้นต้นสังกัดล่าสุดของเจ้าตัวคือ เฟลครา เอฟซี ทีมระดับดิวิชั่น 3 ของมาเลเซียเท่านั้นเอง แต่จริงๆ แล้วเจ้าตัวถูกปล่อยยืมมาจาก เนกรี เซมบิลัน สโมสรดัง ไม่แน่เหมือนกันหากเจ้าตัวอยากพิสูจน์อีกครั้งว่าบอลไทยคือเจ้าอาเซียนจริงหรือไม่ ก็ลองมาเล่นไทยลีกดูเป็นไง

สิธุ อ่อง ปีกซ้าย,แบ็กซ้าย (เมียนมา)

     หนึ่งในสมาชิกเด็กระเบิดชุดลุยศึก ยู-20 ชิงแชมป์โลก รอบสุดท้ายที่นิวซีแลนด์เมื่อปี 2015 ถ้าถามคนเมียนมาว่า นักเตะ 5 คนที่เก่งที่สุดในยุคนี้ของบ้านคุณมีใครบ้าง มั่นใจว่า 1 ในนั้นต้องมีชื่อของปีกจอมขยันจาก ยาดานาร์บอน คนนี้อยู่ด้วย หลายๆ คนมักจะจำสลับกับ อ่อง ธุ ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ที่เพิ่งย้ายซบ โปลิศ เทโร เพราะชื่อละม้ายคล้ายกัน และเหมือนอย่างที่เจ๊คิ้มเคยพูดไว้ในรายการ The X-Factor Thailand ว่า "บางครั้งแม้คุณจะยืนอยู่ท่ามกลางคนอื่นคุณก็เสมือนไม่มีตัวตน แม้กระทั่งเงาของเขาก็ยังกลบคุณเลย" ถามว่าเกี่ยวมั้ยก็ไม่เกี่ยว อ่านข้ามไปเถอะ แต่เอาเป็นว่า สิธุ อ่อง คนนี้คือแข้งเกรดเอของเมียนมา ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวฝากเพื่อนคนไทยมาบอกด้วยว่าอยากมาค้าแข้งในไทยลีก แต่ติดที่ไม่มีเอเยนต์ หากทีมไหนสนใจรีบติดต่อไปด่วน ก่อนที่จะโดนใครฉกไปซะ

จอ โก โก กองหน้า (เมียนมา)

     ศูนย์หน้าซูเปอร์สตาร์ตัวจริงแห่งวงการฟุตบอลพม่า ยิงประตูถล่มทลายให้กับทั้งสโมสรและทีมชาติ แฟนบอลไทยรู้จักกันดีเพราะมีโอกาสได้ดวลกันมาแล้วหลายครา แม้จะมีตำหนิที่เคยถูก แกร์ด ซีเซ่ เฮดโค้ชทีมชาติตัดออกจากทีมเพราะเรื่องวินัย แต่ก็พิสูจน์ตัวเองกลับมาได้ด้วยผลงานในสโมสร เจ้าตัวเคยตกเป็นข่าวจะย้ายมาเล่นในเมืองไทยหลายครั้งกับ สมุทรสาคร เอฟซี แต่ก็ไม่เกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวประกาศไว้ว่า ถ้าย้ายมาเล่นที่ไทยต้องระดับลีกสูงสุดเท่านั้น ระดับฝีเท้าของ จอ โก โก น่าจะไม่เป็นรองผู้เล่นไทยมากนัก แต่ที่แน่ๆ การันตีได้ว่า สโมสรไหนได้ตัวเขาไป ฐานแฟนคลับแรงงานต่างด้าวชาวพม่าจะสั่นสะเทือนอัฒจันทร์ทุกสนามที่เขาได้ลงเล่นแน่นอน

อ่านต่อตอนที่ 2 ได้ที่นี่ https://www.thsport.com/column-307.html