:::     :::

ของโบราณ

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
2,508
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รูปแบบการเล่นหรือศาสตร์ของฟุตบอล มีมากมายหลายรูปแบบนะครับ ในยุคที่ฟุตบอลปกคลุมด้วยศาสตร์ที่เรียกว่า "ฟุตบอลสมัยใหม่" อย่างเช่นรูปแบบการเล่นของเป๊ป กวาดิโอล่า , เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ก็พรีเมียร์ลีก ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่า "ฟุตบอลโบราณ" อยู่คู่กับลีกสูงสุดของอังกฤษมาอย่างช้านาน และหลายๆ ครั้งมันก็สร้างปัญหาให้กับทีมใหญ่ๆ ได้อยู่เรื่อยๆ เสียด้วยสิครับ อย่างเช่นวันนี้เป็นต้น



กุนซือ โบราณ


          เจอร์เก้น คล็อปป์ไม่ชอบรูปแบบการเล่นแบบไหนมากที่สุด ? อันนี้เจ้าตัวไม่ได้มาบอกไว้หรอกครับ หรือเอาจริงๆ ก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรชัดเจนมากมายเท่าไรนัก แต่ถ้าสังเกตกันให้ดีว่าส่วนใหญ่คล็อปป์นั้นมักจะทำผลงานได้ไม่ดีกับทีมที่เน้นพละกำลัง เล่นแรง เน้นการใช้ร่างกายเข้าปะทะ อะไรจำพวกนี้เท่าไรนัก ถ้าเราดูบรรดาแต้มที่ตกหล่นไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่พวกเขาจะทำแต้มหล่นกับทีมประเภทนี้อยู่เรื่อยๆ เหมือนกันครับ เช่น การเล่นดาร์บี้ แมชต์กับเอฟเวอร์ตันที่เข้าบอลกันแบบสุดโหดไม่คิดชีวิตกันเลย หรือ การเล่นแบบทีมีกองหน้าสูงใหญ่ มาคอยพักบอล เก็บบอล อะไรพวกนี้ มักจะสร้างปัญหาให้กับทีมของคล็อปป์ได้อยู่เรื่อยๆ ครับ ซึ่งทีมที่มักจะใช้แผนแบบนี้ก็จะเป็นพวกกุนซือยุคเก่าๆ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันมานาน อย่างพวก โทนี่ พูลิส , สตีฟ บรู๊ซ และ ก็บิ๊กแซม แซม อัลลาไดซ์นี่แหละครับ และเมื่อไปดูสถิติแล้วก็ไม่น่าเชื่อจริงๆ ครับ ว่าใน 3 นัดล่าสุดที่บิ๊กแซมคุมทีมมาเยือนแอนฟิลด์นั้น เขาพาทีมเอาตัวรอดจากสนามแอนฟิลด์ได้มาทั้งหมด!!  ในยุคที่ลิเวอร์พูลประกาศศักดามาเป็น 1 ในทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีกแบบนี้  เกมในบ้านของพวกเขาถือว่าเป็นนรกของทีมเยือนทุกทีมก็ว่าได้ครับ แต่บิ๊กแซมเองก็ยังเอาตัวรอดมาได้แทบจะทุกครั้ง นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า บิ๊กแซมนั้นรู้จักสนามนี้และอาจจะรวมไปได้ว่าเขารู้จักทีมลิเวอร์พูลเป็นอย่างดีเลยก็ว่าได้





รถบัสโบราณ


          จริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลยครับ กับการที่ทีมที่มาเยือนแอนฟิลด์จะมาเน้นตั้งรับทั้งทีม หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า “จอดรถบัส” ขวางหน้าปากประตูไว้แบบนี้ บิ๊กแซมก็เช่นกันครับ เขาวางแผนเน้นตั้งรับไว้ก่อนแล้วค่อยหาจังหวะสวนเมื่อสบโอกาส ซึ่งลิเวอร์พูลเองก็ต้องทำหน้าที่ของพวกเขาให้ได้ครับ คือการเจาะรถบัสแบบนี้ให้ได้ และจริงๆ พวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานเลยด้วยเพียงแค่นาทีที่ 11 เท่านั้นพวกเขาก็เจาะยางรถบัสคันนี้ได้สำเร็จเสียแล้ว เพียงแต่ว่ารถบัสโบราณของบิ๊กแซมคันนี้ มันน่าหงุดหงิดกว่ารถบัสคันอื่นอยู่เรื่องนึงครับ คือ โดยปกติแล้วเมื่อโดนยิงได้แล้ว โดยธรรมชาติของทีมที่โดนเจาะประตูไปแล้ว การขึงแนวรับก็จะเริ่มหลวมขึ้นครับ เพราะส่วนนึงก็คือต้องหาจังหวะมาบุกหรือเอาประตูคืนบ้าง  แต่อัลลาร์ไดซ์นั้นไม่ทำแบบนั้นครับ เขายังขึงแนวรับและเล่นเกมรับอย่างมีสมาธิเหมือนเดิม และแทบไม่หาโอกาสสวนกลับเลยด้วยซ้ำ ทำให้เราเห็นว่าหลังจากลิเวอร์พูลทำประตูได้แล้ว แต่ก็ยังเป็นฝ่ายที่ปูพรมบุกอยู่ตลอด ดาหน้าบุกอยู่ฝ่ายเดียว เราแทบจะไม่เห็นกองหน้าของทีมเยือนอย่าง คาร์ลาน แกรนท์ ในจอทีวีเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละครับ ด้วยการเล่นเกมรับแบบเต็มสตรีมแบบนี้ก็ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลยังเพิ่มสกอร์ให้ตัวเองไม่ได้เสียที ดูจะขาดๆ เกินๆ หรือ ติดบล็อก ไปเสียหมด ทั้งที่ครองบอลอยู่ข้างเดียว ถึงกว่า 80% แต่ในเมื่อยังฉีกหนีไปไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ และคล็อปป์เองนั้นก็พอจะอ่านออกครับ ว่าเกมนี้มันไม่ง่ายสำหรับทีมของเขาเลยจริงๆ



เรื่องของประสบการณ์


          ครึ่งหลังรูปเกมก็ยังคล้ายๆ แบบเดิมครับ จะต่างกันตรงที่ WBA ของบิ๊กแซมนั้นเริ่มที่จะ”ตอบโต้” แชมป์เก่าบ้างแล้ว และต้องบอกว่าแชมป์เก่านั้นก็ดวงซวยเอาเรื่องเหมือนกันเมื่อ โชเอล มาทิ๊ปนั้นมีอาการบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวเอา เซนเตอร์ฮาร์ฟ ดาวรุ่งอย่าง รีส วิลเลี่ยมลงมา และก็คงไม่ใจร้ายจนเกินไปนะครับ ถ้าจะพูดว่าในนัดนี้ เด็กๆ พวกนี้แหละครับ ที่เป็นจุดเปลี่ยนของเกมนี้อย่างแท้จริง เสือเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างบิ๊กแซมนั้นรู้ดีครับ ว่าสิ่งที่ดาวรุ่งทุกๆ คนเหมือนๆ กันแทบทั้งหมด นั่นคือความไม่นิ่ง และไร้ประสบการณ์นั่นเองครับ เจ้าหนูรีส กลายเป็นเป้าหมายในการเจาะเข้าทำประตูของทีมเยือนทันที และก็เกือบได้ผลเสียด้วยเมื่อ ซอว์เยอร์สวางบอลยาวจากแดนตัวเองให้แกรนท์สปีดเอาชนะเจ้าหนูรีส วิลเลี่ยมแบบเห็นๆ หลุดไปล่อเป้าเดี่ยวๆ กับ อลิสซง แต่ยังโชคดีที่พ่อหมีออกมาปิดมุมไว้ได้หมดทำให้ป้องกันในจังหวะนี้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่นี่ก็เป็นสัญญาณเตือนครั้งใหญ่แล้วว่าพวกเขาต้องรีบทำประตูฉีกหนีให้ได้ แต่ในเกมนี้ส่วนนึงก็ต้องยอมรับครับ ว่านักเตะหงส์แดงนั้นทำผลงานกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานพอสมควรเหมือนกัน พวกเขาดูจะไร้ไอเดีย และเอาชนะแนวรับของWBA ไม่ได้เอาเสียเลย การครอสที่เป็นอาวุธเด็ดของทีมก็แทบไม่ได้ผลเลย โยนไปก็ติดกองหลังหรือไม่ก็ล้นออกนอกสนามไปซะทุกครั้ง ครั้นจะใช้ความสามรถเฉพาะตัวเป็นตัวเจาะทะลวงเข้าไปก็ติดขัดกองหลังไปซะทุกครั้ง และนี่แหละครับฟุตบอล ...... เมื่อทำเขาไม่ได้สุดท้ายเราเองที่มักจะโดนลงโทษ และก็เป็นการเล่นแบบไร้ประการณ์ของดาวรุ่งลิเวอร์พูลนั่นแหละครับที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ขึ้น เมื่อเคอร์ติส โจนส์พยายามเล่นบอลหน้าเขตโทษตัวเองแต่ดันจ่ายไม่ละเอียดพอไปติดเท้าผู้เล่น WBA ทำให้บอลโด่งขึ้นมาซึ่งเจ้าหนูรีส วิลเลี่ยมก็ดันเล่นช๊อตแก้ไขได้ไม่ดีอีก เมื่อเขาเจตนาโหม่งคืนให้อลิสซงแต่ให้น้ำหนักผิดทำให้บอลออกหลังไป และจากจังหวะดังกล่าวทำให้ลิเวอร์พูลเสียลูกเตะมุมในจังหวะนี้ที่นำไปสู่การเสียประตูตีเสมอในที่สุดนั่นแหละครับ เมื่อWBA เล่นลูกเตะมุมฝั่งขวาก่อนเปิดโค้งเข้าไปตรงกลางให้อาจายี่โหม่งย้อยชนเสาก่อนเด้งโดนปลายเท้าอลิสซอนเปลี่ยนทางเข้าประตูไปเลย..... (อะไรนะครับ อยากดู VAR เพราะสงสัยว่าลูกนี้อาจจะมีการล้ำหน้าหรือฟาวล์หรือเปล่าน่ะเหรอ ???  ยังไม่ชินอีกเหรอครับ 55555)  ทำให้ลิเวอร์พูลโดนตีเสมอแบบช๊อคกันทั้งบางไปเลย ....  ซึ่งจะบอกว่าไอ้ลูกแบบนี้แหละครับ ที่บิ๊กแซมเขาเล็งเอาไว้มาตลอดเกมนี้ และเหมือนวันนี้มันเป็นวันของเสือเฒ่าอย่างเขาจริงๆ ครับ เพราะลิเวอร์พูลเกือบจะพลิกกลับมานำไปได้อีกครั้งจากจังหวะโหม่งจ่อๆ ของฟิร์มิโน่ .....แต่ก็โดนจอห์นสตันปัดทิ้งไว้ได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ

          สุดท้ายลิเวอร์พูลก็เก็บไปได้แค่ 1 แต้มในบ้านเท่านั้น แม้จะไม่อยากจะยอมรับเท่าไร แต่นี่คือความแสบของกุนซือโบราณแบบนี้ล่ะครับ ถึงจะดูเก่าตกยุคไปแค่ไหน แต่บางทีก็มองข้ามไปไม่ได้จริงๆ  ก้มหน้ายอมรับผล ปรับปรุงให้ดีขึ้นและสู้กันต่อไปครับ ยังไงจ่าฝูงก็ยังเป็นลิเวอร์พูลอยู่นะ YNWA ครับ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด