สไตล์การเล่นตามแบบฉบับเด็กอังกฤษ ที่เข้าปะทะอย่างหนักหน่วง เต็มที่ตลอด 90 นาที ทุ่มเททั้งเกมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ จนกลายเป็นที่รักของสาวก “พญาไก่ชน” ทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาที่กระชากใจแม่ยกอย่างเดียวเท่านั้น
เพราะสิ่งใดกันที่ช่วยให้อดีตเด็กสร้างจากสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ ก้าวผ่านคำว่า "ดาวรุ่ง" สู่การแจ้งเกิดแบบเต็มตัวในวงการฟุตบอลไทย จนก้าวไปติดทัพ "ช้างศึก" รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ภายใต้การคุมทีมของ อิสสระ ศรีทะโร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
1. รู้วัฒนธรรมไทย เล่นฟุตบอลสไตล์อังกฤษ
อย่างแรกเลยคงจะต้องบอกว่า คุณพ่อและคุณแม่ของ “ลีออน พิชญ เจมส์” เป็นคนไทยแท้ แต่ตัวน้องไปเติบโตในเมืองโคเวนทรี ของประเทศอังกฤษ ฉะนั้นการถูกปลูกฝังให้เคยชินกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และภาษาทั้งไทยและอังกฤษ ก็เป็นสิ่งที่เขาได้รับการถ่ายทอดมาตลอดตั้งแต่ยังเล็ก
นอกจากนี้ทุกๆซัมเมอร์ ครอบครัวของเขาจะเดินทางกลับมายัง จ.สุโขทัย เพื่อพามาไหว้คุณปู่คุณย่า ตลอดจนไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มากมาย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ของดาวเตะกองกลางหน้าใส ก็ยังสอนน้องของ “ลีออน” อีก 2 คน ให้ซึมซับวัฒนธรรมไทยเหมือนๆ กัน
แต่การเล่นฟุตบอลที่บ่มเพาะมาในสไตล์อังกฤษแท้ๆ ด้วยการเข้าไปอยู่กับ อคาเดมี ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ช่วยสร้างอารมณ์ในการซ้อมที่เข้มข้นมาอย่างต่อเนื่องในระบบฟุตบอลของที่นั่น ฉะนั้นเราจึงได้เห็นการเล่นที่ทุ่มเทของเขา ตั้งแต่พา สุโขทัย เอฟซี เลื่อนชั้นจากไทยลีก 2 กลับมายังลีกสูงสุด ด้วยการห้ำหั่นคู่แข่งแบบหนักหน่วง
2. เก็บเกี่ยวประสบการณ์ลูกหนังไทย
กลางปี 2019 ลีออน กลับจากอังกฤษมาฝึกซ้อมกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นหนแรกที่ได้สัมผัสกลิ่นอายลูกหนังไทย แม้ว่าจะเคยเข้าไปดู สุโขทัย เอฟซี ทีมบ้านเกิดทำการฟาดแข้งในสนามทุ่งทะเลหลวง พร้อมกับได้รับเสื้อจาก สมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานสโมสรในเวลานั้น กระทั่งเขาเองได้ติดทีมชาติไทย อายุไม่เกิน 17 ปี ในชุดสี่เส้า “จีเอสบี แบงค็อก คัพ 2019”
ปลายปีดังกล่าวเขาได้รับสัญญาจาก ราชบุรี เอฟซี โดยกุนซือเวลานั้นคือ ฟรานเชสก์ บอช ที่เคยทำงานในระดับเยาวชนให้กับ บาร์เซโลนา แต่ทว่า ณ ตอนนั้นยังไม่ได้รับโอกาสมากนัก ทั้งด้วยวัยและประสบการณ์กับฟุตบอลไทยที่ยังน้อยมากๆ กระทั่งโยกไปเล่นกับ สุโขทัย เอฟซี ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชอั๋น" สุรพงษ์ คงเทพ ในเลกสอง ไทยลีก 2020
ที่นั่นเองเขาได้รับวิชามากมายจาก “โค้ชอั๋น” แม้ว่าทีมจะตกชั้น แต่เขาเองก็ตัดสินใจเล่นให้กับทีมบ้านเกิดต่อไป ซึ่งความเป็นมืออาชีพและกระหายที่อยากจะช่วยทีมเลื่อนชั้นนี่เอง ทำให้ เดนนิส อมาโต เลือกใช้งานอย่างสม่ำเสมอในช่วงท้ายไทยลีก 2 จนสามารถคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสำเร็จในเวลาต่อมา
3. คว้าโอกาสที่ “พญาไก่ชน”
ในช่วงที่มีข่าวว่าจะไม่ต่อสัญญากับ สุโขทัย เอฟซี ถือว่าเป็นสิ่งที่สะเทือนทุ่งทะเลหลวงไม่น้อย เพราะเขาเป็นคีย์แมนสำคัญมากๆ ที่พา “ค้างคาวไฟ” ทะยานกลับมาผจญภัยในลีกสูงสุดอีกครั้ง แต่ด้วยวิถีของฟุตบอลและความเป็นมืออาชีพในฐานะนักเตะ
การได้ไปเล่นที่ หนองบัว พิชญ เอฟซี เหมือนเป็นการผจญภัยสโมสรที่ 3 ของตัวเอง และเขาก็ทำได้ดีตั้งแต่ปรีซีซั่นในช่วง “โค้ชวัง”ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ยังทำงานกับทีม จนได้รับการวางให้เป็นตัวจริงเมื่อเปิดฤดูกาล แม้สุดท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ "โค้ชกล่ำ" ธีระเวคิน สีหะวงศ์ และ เอเมอร์สัน เปไรร่า ก็ยังได้รับโอกาสต่อเนื่อง
จนล่าสุดในเกมที่เหลือ 10 คน ก่อนเปิดบ้านเอาชนะ ชลบุรี เอฟซี 2-1 การกลับมาคุมทีมของ “ผอ.กล่ำ” เขาก็ยังเลือก ลีออน พิชญ เจมส์ คุมเกมกลางสนาม และทำหน้าที่ในการไล่ตัดเกมได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับเลือกให้เป็น แมนออฟเดอะแมตช์ ในนัดดังกล่าว
4. การดูแลตัวเองแบบมืออาชีพ
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ห้องเครื่องรายนี้ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่อง คือการดูแลร่างกายที่ยอดเยี่ยมเข้าขั้นมืออาชีพมากๆ เพราะก่อนโปรแกรมการซ้อมกับสโมสรทุกวัน เขาจะไปเข้าฟิตเนสด้วยตัวเอง เล่นทั้ง กล้ามเนื้อแขนและขาอยู่เป็นประจำ
ขณะเดียวกัน “ลีออน" ยังเคร่งครัดในการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเขาเองมักจะเลือกทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ไม่ได้ถึงขั้นนับปริมาณแคลลอรี่ แต่ว่าเขาจะเลือกทานสิ่งที่มีประโยชน์ รวมทั้งไม่แตะต้องเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อีกด้วย
นี่คือสิ่งที่ “นักเตะอาชีพ” พึงปฏิบัติ เรียกได้ว่าเราได้เห็นกองกลาง หนองบัว พิชญ เอฟซี กล้ามเนื้อร่างก
นี่คือเรื่องราวเส้นทางที่ผ่านมาของ ลีออน พิชญ เจมส์ จากวันที่เขาเป็นตัวสำรองของที่อื่น จนตอนนี้เป็นตัวหลักของ หนองบัว พิชญ เอฟซี และไม่น่าจะพลาดไปเล่นให้ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี โดฮา คัพ ระหว่างวันที่ 20-29 มีนาคมนี้ อย่างแน่นอน
