หลังจากประสบความสำเร็จคว้าทริปเปิลแชมป์ทั้ง แชมป์รีโว่ไทยลีก, รีโว่ คัพ และ ช้าง เอฟเอคัพ มาครองอย่างยิ่งใหญ่สองฤดูกาลติดต่อกันแบบไร้เทียมทาน ภายใต้การคุมทีมสไตล์เจแปน เวย์ ของ มาซาทาดะ อิชิอิ
แต่เปิดฤดูกาล 2023/24 เกิดเรื่องช็อค เมื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจแยกทางกับกุนซือเลือดซามูไร พร้อมแต่งตั้ง อาเธอร์ ปาปาส ผู้อำนวยการเทคนิคที่เพิ่งเข้ามาทำงานในช่วงปิดฤดูกาลขึ้นมาทำหน้าที่นายใหญ่แทน
จากนั้น อิชิอิ ก็เข้าไปทำหน้าที่ประธานเทคนิคทีมชาติไทย ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ก่อนจะลาออก และเข้ามารับตำแหน่งกุนซือทัพ “ช้างศึก” โดยจะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
ชื่อของ ปาปาส อาจไม่เป็นที่คุ้นหูแฟนบอล แต่หากชำแหละโปรไฟล์ของกุนซือเลือดออสซี่รายนี้จะเห็นได้ว่าเขามีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายตัวกลั่นของทีม เนื่องจากเคยร่วมงานกันที่ โยโกฮาม่า มารินอส ซึ่งทั้งคู่ช่วยกันพาทีมคว้าแชมป์เจลีก 2019
ปาปาส เป็นหนึ่งในทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชของ อังเก้ ปอสเตโคกลู นายใหญ่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส คนปัจจุบัน ทำให้ได้เรียนศาสตร์ลูกหนังมาจาก “อังเก้” ไม่น้อย
เมื่อได้เข้ามาคุมทีม “ปราสาทสายฟ้า” เขาจึงมีการล้างระบบเจแปน เวย์ ของ อิชิอิ ที่เน้นเปลี่ยนจังหวะเกมรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว เพื่อยิงประตูคู่แข่ง มาเป็นทีมที่เน้นการต่อบอล และเน้นการโจมตีด้านข้างมากขึ้น
แรกๆ ทุกอย่างเหมือนจะดี เมื่อ “ปราสาทสายฟ้า” เดินหน้าเก็บชัยชนะได้เรื่อยๆ จนเบียดลุ้นจ่าฝูงกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด อย่างสูสี
แต่หลังจากหยุดฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคมกลับมาแข่งขันอีกครั้ง พวกเขายังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น เข้าโครงการก้าวที่ละแต้ม
ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ 3 นัดติดต่อกัน และล่าสุดแม้จะปลดล็อกยิงประตูได้ 2 ตุง แต่ดันมาเสียประตูง่ายๆ 2 ตุง ส่งผลให้เก็บได้แต้มเดียวในเกมเสมอ เมืองทอง ยูไนเต็ด เพื่อนรัก 2-2
หากใครได้ชมเกมนี้คงอึดอัดกับฟอร์มการเล่นของ บุรีรัมย์ อย่างแน่นอน เพราะเล่นได้ช้ามาก สปีดบอลที่เคยรวดเร็ว มีการโจมตีคู่แข่งหลากหลายในยุคของ อิชิอิ หายไปอย่างหมดสิ้น
ด้านขุมกำลังต่างฟอร์มตกอย่างเหลือเชื่อไม่ว่าจะเป็น โกรัน เคาซิซ, ลอนซาน่า ดูมบูย่า และ ศุภชัย ใจเด็ด เจ้าของรางวัลดาวซัลโวสูงสุดของไทยลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
แน่นอนการขาดหายไปของ โจนาธาร โบลินกิ กองหน้าที่แยกทางกับทีมไป และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ปีกขวาที่ย้ายไปโอเอช ลูเวิน ในเบลเยี่ยมแบบยืมตัว ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของทีมแน่
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ ปาปาส มักจัดผู้เล่นไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด อย่างเช่น ศุภชัย ที่เป็นกองหน้าที่ไม่มีจุดเด่นเรื่องความเร็ว แต่ถูกจับไปเล่นเป็นปีกขวาบ่อยครั้ง
หรือจะเป็น สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ แบ็คขวาที่เล่นได้ดีในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล แต่โดน รัตนากร ใหม่คามิ กองกลางตัวรับของทีมแย่งตำแหน่งแบ็คขวาเฉยเลย
บางเกม ปาปาส ยังทำให้แฟนบอล งง ทั้งบาง เมื่อเอา ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ถนัดเท้าซ้าย ไปเล่นแบ็คขวา แต่เอา สุพร ที่เป็นแบ็คขวา ไปเล่นเป็นแบ็คซ้ายในเกมเดียว
ทำให้ไม่ให้นักเตะเล่นตามตำแหน่งที่ถนัดแต่แรก?
ปัจจุบัน ปาปาส คุมทีมไป 16 นัด พาทีมชนะ 7 นัด เสมอ 6 นัด แพ้ 3 นัด เปอร์เซ็นต์ในการเก็บชัยชนะ อยู่ที่ 43.47 % เท่านั้น เรียกว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับกุนซือรายอื่นๆ ที่เคยคุมทีม
แม้ตอนนี้มีข่าวว่าทีมเตรียมคว้านักเตะต่างชาติฝีเท้าดีมาเสริมความโหดในเลก 2 แต่แฟนบอลบอลหลายคนเริ่มสงสัยเหมือนกันว่า ปาปาส คือคนที่ใช่สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จริงหรือ?
แน่นอน ปาปาส เป็นกุนซือใหม่ ควรได้รับโอกาสคุมทีม เพื่อเรียกฟอร์มเก่งของทีมกลับมาให้ได้ แต่ถ้าแนวทางการทำทีมและคุณภาพนักเตะมันไปกันไม่ได้กับระบบการเล่นระดับสูงก็อย่าฝืนเลย ฟุตบอลญี่ปุ่นกับฟุตบอลไทยต่างกันเยอะ
ฝืนไปมีแต่เสียเปล่าๆ เลก 2 เปลี่ยนตัวกุนซือยังทัน หาคนที่เหมาะสมเข้ามาคุมทีม ดีกว่าปล่อยให้สายเกินไปจนทีมพัง ชวดแชมป์ทุกรายการมันจะแย่เอา
ด้วยความเป็นห่วง
